แนวโน้มราคาทอง
ระวังขายบริเวณ 2,640
- ราคาทองปรับตัวขึ้น 22.88 ดอลลาร์ คิดเป็น 0.85%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,629 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,631 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,604 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,600 บาท
ต่ำสุด – 41,400 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 6 วัน โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี มากกว่าที่ตลาด แต่ก็มีแนวโน้มลดลง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 33,000 ราย เป็น 258,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 2566 นอกจากนี้ว่า คณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลมีการประชุมเพื่อโหวตเรื่องแผนตอบโต้อิหร่าน สร้างความตึงเครียดในตะวันออกลาง ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% จากเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 70.9 จาก 70.1 ในเดือนก.ย.
วิเคราะห์ราคาทอง
แม้ราคาทองคำจะมีการฟื้นตัวขึ้น แต่ยังต้องจับตาบริเวณแนวต้าน 2,640 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าระยะสั้นราคาทองคำอาจยังไม่ผ่านบริเวณดังกล่าว จึงอาจมีแรงเทขายออกมา ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคจาก MACD ของราคาทองคำใน Timeframe Day ยังคงบ่งชี้การปรับตัวลง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,620 และ 2,605 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,640 และ 2,650 ดอลลาร์
จับตาบริเวณแนวต้าน 2,640 ดอลลาร์ หากยังไม่ผ่านอาจเกิดแรงเทขายออกมาบริเวณดังกล่าว แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณ2,640 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,650 ดอลลาร์ และ take profit บริเวณ 2,600-2,605 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 41,500 และ 41,350 บาท
แนวต้าน : 41,700 และ 41,800 บาท
ราคาทองคำแท่งฟื้นตัวตามราคาทองคำโลก อย่างไรก็ตามคาดว่าการฟื้นตัวของราคาทองคำแท่งในระยะนี้ไม่มากนัก จับตาบริเวณแนวต้าน 41,700 บาทที่คาดว่าอาจมีแรงเทขาย ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำแท่งใน Timeframe Day ยังเกิดสัญญาณขาย (Sell signal) จาก Modified Stochastic จึงยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ แนะนำ Wait&see รอเข้าซื้อรอบใหม่