แนวโน้มราคาทอง
ระวังแรงขายบริเวณ 2,660 – 2,667 ดอลลาร์
- ราคาทองคำทรงตัว
- ธนาคารกลางจีนกลับมาซื้อทองคำ
Gold spot
สูงสุด – 2,651 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,627 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 42,650 บาท
ต่ำสุด – 42,500 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวทรงตัว มีแรงขายสลับกับแรงซื้อ ทั้งนี้ราคาทองคำถูกกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ซึ่งนักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ หากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐไม่ได้ชะลอตัวลง ก็อาจส่งผลต่อสัญญาณการชะลอการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า ซึ่งอาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่า กดดันทองคำ อย่างไรก็ตาม ทองคำมีแรงหนุนจากธนาคารกลางจีนเริ่มกลับมาซื้อทองคำอีกครั้งในเดือนพ.ย.หลังจากที่หยุดซื้อไปกว่า 6 เดือน ทั้งนี้ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง โดยมีการเข้าซื้อสุทธิติดต่อกันกว่า 17 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2566
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
วิเคราะห์ราคาทอง
คาดราคาทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 2,630-2,660 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงให้ระวังแรงเทขายบริเวณ 2,660-2,667 ดอลลาร์ ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำยังคงมีทิศทางปรับตัวลง แต่คาดการปรับตัวลงเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริเวณแนวรับที่ 2,580 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับของเส้น SMA100 เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,630 และ 2,610 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,660 และ 2,667 ดอลลาร์
ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลง แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ ซึ่งสามารถเปิดสถานะขายที่ 2,660 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,667 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,400 และ 42,300 บาท
แนวต้าน : 42,650 และ 42,750 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวลงต่อเนื่องเข้ามาใกล้บริเวณฐานของรูปแบบ Double Top ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำแท่งยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับตัวลงมีกรอบจำกัด และอาจมีการฟื้นตัวเกิดขึ้น บริเวณ 41,800-42,000 บาท