ราคาซื้อ-ขายทองคำในแต่ละวันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะผันผวนไปตามราคาที่ประกาศจากสมาคมค้าทองคำ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นราคาทองแท่ง หรือทองรูปพรรณก็ตาม หากซื้อกับร้านที่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองก็จะมีประกาศราคาให้ได้ติดตามกันอย่างชัดเจน แต่ถ้าพลาดไปเจอกับร้านที่ไม่ได้อยู่ในสมาคม ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะโดนเอาเปรียบจากราคาที่ไม่เป็นกลางได้ นักลงทุนจึงควรทราบวิธีคิดราคาซื้อ-ขายทองคำ เพื่อวางแผนการลงทุนให้เหมาะสม
เหตุผลสำคัญที่ควรรู้วิธีคิดราคาซื้อ-ขายทองคำเบื้องต้น
มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศไทย การทำความเข้าใจถึงวิธีการคิดราคาซื้อ-ขายทองคำจึงเป็นขั้นแรกที่สำคัญที่สุด เพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างถูกต้อง โดยไม่เสียเปรียบในระยะยาว ซึ่งข้อดีของการเรียนรู้วิธีการคิดราคาซื้อ-ขายทองคำมี ดังนี้
- ช่วยให้เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทอง เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนตามราคาตลาดโลก การเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาจะช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มและวางแผนการลงทุนได้แม่นยำมากขึ้น
- ช่วยให้ตัดสินใจซื้อขายทองได้อย่างเหมาะสม เมื่อทราบวิธีการคำนวณราคา จะทำให้สามารถรู้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อและขายทองคำ เพื่อได้ราคาที่คุ้มค่าที่สุด
- ช่วยให้ตรวจสอบราคาทองได้อย่างถูกต้อง ราคาทองคำที่แสดงในหน้าร้านอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นักลงทุนจึงสามารถใช้ความรู้พื้นฐานในการคำนวณราคาเพื่อให้มั่นใจว่าได้ราคาที่เป็นธรรม ไม่สูง หรือต่ำเกินจริงจนน่าสงสัย
วิธีคิดราคาซื้อ-ขายทองคำ
สูตรการคำนวณ ราคาทองในประเทศไทย
ราคาทองคำในประเทศไทยถูกคำนวณโดยอิงจากราคาทองในตลาดโลก ซึ่งก็คือ Spot Gold และค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ โดยมีสูตรคำนวณดังนี้
‘ราคาทองไทย = (Spot Gold + Premium) x ค่าเงินบาท x 0.473’
ความหมายของตัวแปรในสมการ
- Spot Gold คือราคาทองในตลาดโลก โดยจะขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อขายทองคำ ซึ่งตลาดที่มีผลต่อราคาทองคำมากที่สุดคือ ตลาดสหรัฐอเมริกา (COMEX) และตลาดลอนดอน
- ค่าเงินบาท เป็นอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อราคาทองในประเทศ เพราะประเทศไทยนำเข้าทองคำในรูปของดอลลาร์ หากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง จะทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตาม
- Premium คือค่าธรรมเนียมที่ร้านค้าทองเรียกเก็บเพิ่มเติมจากการนำเข้าทองคำในต่างประเทศ โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
- 0.473 เป็นค่าน้ำหนักทอง 96.5% ในหน่วยบาท ซึ่งมาจากการคำนวณโดยคำนึงถึงทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% ตามมาตรฐานของประเทศไทย (32.148 x 0.965 ÷ 65.6)
ตัวอย่างเช่น หากราคาทองในตลาด Spot Gold ณ เวลานั้นอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ค่าพรีเมียมอยู่ที่ 2 ดอลลาร์ จะสามารถนำมาคำนวณราคาทองคำในประเทศไทย ได้ดังนี้ ‘ราคาทองไทย = (1,800 + 2) x 33 x 0.473’ โดยผลการคำนวณที่ได้จะเป็นราคาทองคำในประเทศต่อบาททองคำสำหรับทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
นอกจากราคาทองคำแท่งแล้ว การคำนวณราคาทองรูปพรรณยังต้องพิจารณาค่ากำเหน็จเพิ่มเติม ซึ่งค่ากำเหน็จนี้จะเป็นค่าบริการสำหรับงานออกแบบและการผลิตทองรูปพรรณ โดยแต่ละร้านอาจมีการกำหนดราคาค่ากำเหน็จที่แตกต่างกันไปตามความประณีต น้ำหนักของทองรูปพรรณ รวมถึงลวดลายที่ต้องการ เช่น สร้อยคอ แหวน หรือตุ้มหู โดยควรตรวจสอบราคาที่หน้าร้านให้ละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่โดนคิดค่ากำเหน็จสูงเกินไป
ปัจจัยอื่นที่ควรพิจารณาในการลงทุนทองคำ
นอกจากสูตรการคำนวณราคาทองคำแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่นักลงทุนทองคำควรทราบเพื่อให้การลงทุนเป็นไปได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัย ได้แก่
- สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำ เช่น ในช่วงเศรษฐกิจโลกผันผวนหรือเกิดวิกฤตการณ์ นักลงทุนมักหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น ทำให้ราคาทองพุ่งสูงขึ้นตาม
- การแข็งค่าและอ่อนค่าของเงินบาท เนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินบาทมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในประเทศ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ราคาทองคำในประเทศก็จะปรับลดลง ในทางกลับกัน หากเงินบาทอ่อนค่าลง ราคาทองคำในประเทศก็จะปรับเพิ่มขึ้น
- การกำหนดราคาจากสมาคมค้าทองคำ สมาคมค้าทองคำในประเทศไทยจะมีการประกาศราคาทองคำวันละหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้า ซึ่งจะเป็นการอ้างอิงราคาในตลาดโลกที่มีการเคลื่อนไหวในระหว่างวัน
การมีความรู้เกี่ยวกับการคำนวณราคาทองคำเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักลงทุน โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การตัดสินใจลงทุนทองคำโดยอาศัยความรู้และการวิเคราะห์อย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนได้กำไรสูงสุดและสามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ดีขึ้น เลือกลงทุนในทองคำอย่างมีประสิทธิภาพกับร้านทองเยาวราช “ฮั่วเซ่งเฮง” ซึ่งมีประสบการณ์มากว่า 70 ปี ในการขายทองคำแท้ 96.5% ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณ ไม่ว่าจะเป็นจี้ สร้อยคอ แหวน และตุ้มหูที่หลากหลาย ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ที่ทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-112-2222 ตลอดเวลาทำการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.30 – 17.00 น.