ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้วหลายครั้ง โดยล่าสุดในวันจันทร์ (27 พ.ค.) ราคาทองสปอตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,449.89 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ราคาโลหะเงินและทองแดงพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แม้ว่าขณะนี้ราคาทองคำ โลหะเงิน และทองแดง ต่างก็ชะลอตัวลง แต่ราคายังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาโลหะทั้ง 3 ชนิดจะแข็งแกร่งขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า
นักวิเคราะห์ของเอเอ็นแซด (ANZ) กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองสปอตมีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 2,351.30 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น ท่ามกลางการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ แต่นักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนราคาทองคำไม่ได้มีเพียงแค่นั้น
“ในขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อุปสงค์ทองคำในประเทศจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 1/2567 ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นราคาทองพุ่งขึ้นด้วย” นักวิเคราะห์ของ ANZ กล่าว
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีความต้องการทองคำแท่งมากที่สุดในโลก หลังจากแซงหน้าอินเดียในปี 2566 ขึ้นเป็นประเทศที่ซื้อเครื่องประดับทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ผู้บริโภคชาวจีนซื้อทองคำในระดับแถวหน้าของโลก โดยมีการซื้อเครื่องประดับจำนวนมากถึง 603 ตันในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2565 ขณะที่ WGC คาดการณ์ว่าความต้องการเครื่องประดับในจีนจะยังคงเพิ่มขึ้นในปีนี้ หรืออาจจะเพิ่มขึ้นกว่าระดับในปี 2566
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักวิเคราะห์ของยูบีเอสได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้ และคาดว่าราคาจะอยู่ที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2567 โดยยูบีเอสมีมุมมองเชิงบวกว่าอุปสงค์ทองคำในจีนจะแข็งแกร่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
“เราคาดว่าราคาทองคำจะยังคงทำนิวไฮต่อไป” โจนี เทเวส นักกลยุทธ์ด้านโลหะมีค่าของยูบีเอสให้สัมภาษณ์ในรายการ “Street Signs Asia” ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์