ข่าวสารการลงทุน

ดาวโจนส์ปิดร่วง 890.01 จุด วิตกมาตรการภาษีฉุดศก.ถดถอย

11 มีนาคม 2568|08:12 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (10 มี.ค.) เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรและความเป็นไปได้ที่จะมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย

          ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,911.71 จุด ลดลง 890.01 จุด หรือ -2.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,614.56 จุด ลดลง 155.64 จุด หรือ -2.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,468.32 จุด ลดลง 727.90 จุด หรือ -4.00%

          นักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยโกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็น 20% จากเดิมที่ระดับ 15% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

          ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ในปี 2568 ลงสู่ระดับ 1.5% จากเดิมที่ระดับ 1.9% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายการค้าและการควบคุมผู้อพยพเข้าประเทศมีความรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้

          ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox News เมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) โดยเขาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปฏิกิริยาด้านลบที่ตลาดมีต่อความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีที่เขานำมาใช้กับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ รวมทั้งปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่ากระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่ไม่แน่นอนของเขานั้น อาจผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่

          ดัชนี S&P500 ร่วงลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565

          ส่วนดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 19.21% ปิดที่ระดับ 27.86 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2567

          หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 4.34% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.90% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 1.04% และ 0.95% ตามลำดับ

          หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากผลกระทบของเงินเยนที่แข็งค่าและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น หลังจากนักลงทุนได้ลดการทำ Carry Trade ในสกุลเงินเยน ท่ามกลางความหวังที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้

          ทั้งนี้ ธุรกรรม Carry Trade คือการที่นักลงทุนกู้ยืมสกุลเงินเยนซึ่งมีต้นทุนต่ำ เพื่อนำไปซื้อสกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งการลดการทำ Carry Trade ได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม “Magnificent Seven”

          หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 15.4% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มีต่อเทสลาลดน้อยลง หลังจากกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ภายใต้การบริหารของอีลอน มัสก์ ได้ทำการปลดพนักงานของรัฐและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
ตลาดหุ้น

ดาวโจนส์ปิดร่วง 715.80 จุด กังวลเงินเฟ้อ-ภาษีทรัมป์

07:58 น.

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดพุ่ง $23.40 กังวลสงครามการค้าหนุนแรงซื้อ

07:57 น.

 
ตลาดหุ้น

ดาวโจนส์ปิดลบ 155.09 จุด กังวลผลกระทบทรัมป์รีดภาษีรถยนต์

08:32 น.

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดพุ่ง $38.50 วิตกภาษีทรัมป์หนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

08:31 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า