ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (20 พ.ย.) อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อนที่บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) จะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัททาร์เก็ต (Target) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,408.47 จุด เพิ่มขึ้น 139.53 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,917.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด หรือ +0.002% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,966.14 จุด ลดลง 21.33 จุด หรือ -0.11%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังจากดิ่งลงในช่วงแรก อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่ายูเครนได้ยิงขีปนาวุธ “Storm Shadow” ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ผลิตโดยอังกฤษนั้น เข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย จนเป็นเหตุให้รัสเซียประกาศปรับหลักเกณฑ์ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นแตะระดับ 18.79 จุดในระหว่างวัน ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 17.24 จุด แต่ก็ยังถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.
เจมส์ เรแกน กรรมการบริษัท Wealth Management Research กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายเมื่อคืนนี้อยู่ในลักษณะ “ตั้งรับ” หลังจากที่หุ้นเติบโต (Growth Stocks) และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร
เรแกนยังกล่าวด้วยว่า นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทอินวิเดียจะเปิดเผยผลประกอบการ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็มีปฏิกิริยาต่อผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัททาร์เก็ต รวมทั้งมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวการอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟของยูเครน
หุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 21.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 และได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรในไตรมาส 4 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
หุ้นอินวิเดียปิดลบ 0.76% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ โดยนักลงทุนจับตาผลประกอบการของอินวิเดียอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์ชิปแบล็คเวลล์ (Blackwell) ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Al รุ่นใหม่ของบริษัท
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น หลังจากราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 94,000 ดอลลาร์ ขานรับข่าวที่ว่าบริษัททรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป (TMTG) ของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเจรจาซื้อบริษัท Bakkt ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งนี้ หุ้นมาราธอน ดิจิทัล (Marathon Digital) พุ่งขึ้น 14% หุ้นไมโครสตราเทจี (MicroStrategy) พุ่งขึ้น 10% และหุ้นเอ็มเออาร์เอ โฮลดิงส์ (MARA Holdings) ทะยานขึ้น 13.9%
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น ขณะนี้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
ที่มา สํานักข่าวอินโฟเควสท์