สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (22 พ.ย.) โดยพุ่งทะลุระดับ 2,700 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้บดบังปัจจัยลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการคาดการณ์ที่ลดลงเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือนหน้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 37.30 ดอลลาร์ หรือ +1.4% ปิดที่ 2,712.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. บวก 39.70 เซนต์ หรือ +1.27% ปิดที่ 31.776 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. บวก 4.60 ดอลลาร์ หรือ +0.47% ปิดที่ 975.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 19.40 ดอลลาร์ หรือ -1.86% ปิดที่ 1,025.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นมากกว่า 5.7% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตธนาคารส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลก และเพิ่มความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ได้รับแรงผลักดันจากวิกฤตการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมากกว่า 170 ดอลลาร์จากราคาต่ำสุดในรอบสองเดือนที่ 2,536.71 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ราคาทองคำมักจะได้รับความสนใจในช่วงที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
ราคาทองคำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันศุกร์ แม้ว่าดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบสองปี และบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดใหม่ก็ตาม
การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธ.ค.ได้ลดลงอย่างมาก โดยความน่าจะเป็นตอนนี้อยู่ที่ 53% ซึ่งลดลงจาก 82.5% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ผู้กำหนดนโยบายบางคนของเฟดในสัปดาห์นี้แสดงความกังวลว่าความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้ออาจหยุดชะงัก และสนับสนุนให้ระมัดระวัง ขณะที่บางคนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากภาษีการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีที่สหรัฐ ทำให้ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะทดสอบระดับ 2,750 ดอลลาร์ภายในกลางเดือนธ.ค.นี้
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์