ข่าวสารการลงทุน

ดาวโจนส์ปิดร่วง 411.32 จุด กังวลบอนด์ยีลด์พุ่งต่อเนื่อง

30 พฤษภาคม 2567|08:20 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันพุธ (29 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,441.54 จุด ลดลง 411.32 จุด หรือ -1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,266.95 จุด ลดลง 39.09 จุด หรือ -0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,920.58 จุด ลดลง 99.30 จุด หรือ -0.58%

          อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 4.6% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี วงเงิน 7 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (28 พ.ค.) แต่ได้รับการตอบรับอย่างซบเซาในตลาด โดย Bid-to-Cover ratio ลดลงสู่ระดับ 2.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 2.45 เท่า

          ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 10.53% แตะที่ระดับ 14.28 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

          ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐด้วยนั้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง, ทำให้ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

          ความวิตกกังวลเกี่ยวกับขนาดและช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ โดยอาจจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย.หรือเดือนธ.ค. จากก่อนหน้านี้ที่เคยคาดว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง

          ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนเม.ย.จนถึงกลางเดือนพ.ค. แต่บริษัทต่าง ๆ มีมุมมองเป็นลบมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางในอนาคต ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเล็กน้อย

          หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วงลง 1.76% และ 1.42% ตามลำดับ

          หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง นำโดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 13.5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรในไตรมาส 2

          หุ้นมาราธอน ออยล์ (Marathon Oil) พุ่งขึ้น 8.4% หลังจากบริษัทโคโนโคฟิลลิปส์ (ConocoPhillips) ประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการมาราธอน ออยล์ในรูปของหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าสูงกว่าราคาตลาดของมาราธอน ออยล์ซึ่งอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพียงเล็กน้อย แต่ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 3.1%

          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
war

“ปูติน” โว รัสเซียยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง โต้ยูเครนใช้อาวุธมะกัน-อังกฤษ

15:33 น.

 
ตลาดหุ้น

ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 461.88 จุด รับแรงซื้อหุ้นวัฏจักร

08:27 น.

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดบวก 23.20 ดอลล์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

08:25 น.

 
ตลาดหุ้น

ดาวโจนส์ปิดบวก 139.53 จุด จับตาผลประกอบการ Nvidia

08:18 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ตะกร้าสินค้า0
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
เลือกซื้อสินค้าต่อ
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.