
การซื้อทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณ นอกจากราคาทองคำในแต่ละวันแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ซื้อต้องทำความเข้าใจก็คือ “ค่ากำเหน็จ” และ “ค่าบล็อกทอง” ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มเติมจากราคาทองคำที่ต้องจ่าย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มักจะสร้างความสับสนให้กับผู้ซื้อทองคำมือใหม่ วันนี้เราจะมาอธิบายความหมายของค่ากำเหน็จและค่าบล็อกทองอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้ทุกคนเข้าใจและสามารถตัดสินใจซื้อทองคำได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ค่ากำเหน็จคืออะไร ?
ค่ากำเหน็จ (Craftsmanship Fee) คือ ค่าบริการหรือค่าแรงที่ช่างทองเรียกเก็บในการสร้างสรรค์ทองคำรูปพรรณให้ออกมาเป็นชิ้นงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ, กำไล, แหวน, หรือเครื่องประดับอื่น ๆ การขึ้นรูปทองคำดิบให้กลายเป็นทองคำรูปพรรณที่มีลวดลายงดงามและประณีตนั้นต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญของช่างทองเป็นอย่างมาก ค่ากำเหน็จจึงเป็นค่าตอบแทนสำหรับความประณีตของงานเหล่านี้ โดยปกติจะมีราคาตั้งแต่ 300 บาทไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและรายละเอียดของชิ้นงานทองคำ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่ากำเหน็จ
- ลวดลายและการออกแบบ : ยิ่งลวดลายมีความซับซ้อนมากเท่าไร ค่ากำเหน็จก็จะสูงตามไปด้วย เช่น ทองคำที่มีลวดลายไทยโบราณ หรือการทำทองแบบพิเศษจะมีค่ากำเหน็จสูงกว่าแบบทั่วไป
- น้ำหนักของทอง : ทองคำรูปพรรณที่มีน้ำหนักมากจะมีค่ากำเหน็จต่ำกว่า เมื่อเทียบกับชิ้นงานที่มีน้ำหนักเบา เนื่องจากความยากในการขึ้นรูปชิ้นงานที่เล็กและละเอียด
- ฝีมือของช่าง : ช่างทองที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มักจะมีค่ากำเหน็จสูงกว่าช่างทั่วไป เพราะเป็นการประกันคุณภาพของชิ้นงาน
ค่าบล็อกทองคืออะไร ?
ค่าบล็อกทอง (Minting Fee) หรือบางครั้งเรียกว่า “ค่าปั๊ม” เป็นค่าบริการที่เกิดขึ้นในการผลิตทองคำแท่ง ค่าบล็อกทองเกิดขึ้นเมื่อโรงหลอมทองหรือโรงงานปั๊มทอง ต้องแปรรูปทองคำดิบให้เป็นทองคำแท่งหรือทองคำเหรียญ ซึ่งจะต้องมีการขึ้นรูป ปั๊มลาย และประทับตราโรงหลอมลงบนทองคำเพื่อรับรองคุณภาพและมาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำแท่ง
ลักษณะของค่าบล็อกทอง
- ค่าบล็อกทองในทองคำแท่งมาตรฐาน : ค่าบล็อกทองสำหรับทองคำแท่งทั่วไปจะถูกเรียกเก็บจากผู้ซื้อเมื่อซื้อทองคำแท่งครั้งแรก โดยจะรวมอยู่ในราคาที่แสดง ณ จุดขาย ซึ่งค่าบล็อกทองนี้จะถูกคำนวณตามน้ำหนักของทองคำ เช่น ทองคำแท่งขนาด 1 บาท อาจมีค่าบล็อกทองประมาณ 100-300 บาทต่อแท่ง
- ค่าบล็อกทองในทองคำแท่งพรีเมียม : ทองคำแท่งที่มีตราประทับพิเศษ เช่น ทองคำแท่งของโรงหลอมต่างประเทศ หรือทองคำที่ผลิตขึ้นในโอกาสพิเศษ จะมีค่าบล็อกทองสูงกว่าทองคำแท่งมาตรฐานทั่วไป เช่น ทองคำที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับนักสะสม (Collector’s Edition) จะมีค่าบล็อกสูงกว่าทองคำแท่งทั่วไปหลายเท่า
- ค่าบล็อกทองสำหรับทองคำเหรียญ : ทองคำเหรียญที่ปั๊มลวดลายต่าง ๆ จะมีค่าบล็อกทองสูงกว่าทองคำแท่ง เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า รวมถึงความจำเพาะของลวดลายที่ต้องการความประณีตอย่างมาก
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่ากำเหน็จและค่าบล็อกทอง
1. ประเภททองคำที่เกี่ยวข้อง
- ค่ากำเหน็จจะพบใน ทองคำรูปพรรณ เช่น แหวน, สร้อยคอ, กำไล ที่ต้องใช้ทักษะของช่างทองในการออกแบบและผลิต
- ค่าบล็อกทองจะพบใน ทองคำแท่ง และ ทองคำเหรียญ ที่ต้องผ่านกระบวนการปั๊มและประทับตราเพื่อสร้างมาตรฐาน
2. ลักษณะของการเรียกเก็บ
- ค่ากำเหน็จมีความหลากหลายมาก เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตกแต่งและดีไซน์ของเครื่องประดับทองคำแต่ละชิ้น
- ค่าบล็อกทองจะถูกเรียกเก็บในรูปแบบของค่าแปรรูปตามน้ำหนักและมาตรฐานของทองคำแท่งแต่ละแท่ง หรือเหรียญแต่ละเหรียญ
3. ผลกระทบต่อการซื้อขาย
- ค่ากำเหน็จ : ส่งผลต่อราคาขายทองคำรูปพรรณ หากต้องการขายคืน ค่ากำเหน็จจะไม่ถูกรวมในราคาขายคืน นั่นหมายความว่าผู้ซื้อต้องรับความเสี่ยงจากค่ากำเหน็จที่จ่ายไปล่วงหน้าเมื่อซื้อ
- ค่าบล็อกทอง : มีผลกระทบต่อการซื้อขายทองคำแท่งน้อยกว่า เนื่องจากค่าบล็อกทองจะถูกคำนวณตามมาตรฐานน้ำหนักและปริมาณความบริสุทธิ์ ดังนั้น ราคาซื้อคืนจึงมีโอกาสได้รับมูลค่าที่ใกล้เคียงกับราคาทองคำในตลาดมากกว่า

ควรเลือกซื้อทองแบบไหน ?
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการลงทุนทองคำคือ “ควรเลือกซื้อทองคำแบบไหนดี ?” ซึ่งคำตอบก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการซื้อ หากต้องการลงทุนระยะยาว ทองคำแท่งจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากมีค่าบล็อกที่ค่อนข้างต่ำ และราคาซื้อขายใกล้เคียงกับราคาตลาดทองคำปัจจุบัน
แต่ถ้าต้องการซื้อเพื่อเก็บสะสมเป็นเครื่องประดับ ทองคำรูปพรรณจะตอบโจทย์ได้ดี เพราะนอกจากความสวยงามแล้ว ยังสามารถเลือกแบบและดีไซน์ที่ถูกใจได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อควรคำนึงถึงค่ากำเหน็จที่ต้องจ่ายในครั้งแรกและการประเมินราคาขายคืนในอนาคต
วิธีคำนวณต้นทุนในการซื้อทองคำ
เพื่อให้คำนวณต้นทุนการซื้อทองคำเป็นไปอย่างแม่นยำที่สุด ก็ต้องไม่ลืมที่จะรวมค่ากำเหน็จหรือค่าบล็อกทองเข้าไปด้วย ซึ่งมีวิธีคำนวณง่าย ๆ ดังนี้
- ทองคำแท่ง
- ต้นทุน = (ราคาทองคำต่อบาท × จำนวนบาท) + ค่าบล็อกทอง
- ทองคำรูปพรรณ
- ต้นทุน = (ราคาทองคำต่อบาท × จำนวนบาท) + ค่ากำเหน็จ
ตัวอย่างเช่น หากราคาทองคำต่อบาทคือ 30,000 บาท และต้องการซื้อทองคำรูปพรรณ 2 บาท ที่มีค่ากำเหน็จ 500 บาทต่อบาท ต้นทุนทั้งหมดจะเท่ากับ
- ต้นทุน = (30,000 × 2) + (500 × 2) = 61,000 บาท หรือเท่ากับต้องจ่ายค่ากำเหน็จเพิ่มจากราคาทองคำทั้งหมดอีก 1,000 บาท
สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งซื้อขายทองคำคุณภาพดี และมีอัตราค่ากำเหน็จและค่าบล็อกทองที่ยุติธรรม แนะนำ “ฮั่วเซ่งเฮง” ร้านทองเยาวราชที่มีความน่าเชื่อถือมายาวนานกว่า 75 ปี เป็นผู้รับซื้อและจำหน่ายทองคำแท่งในรูปแบบของสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยเรากำหนดราคาให้เป็นไปตามประกาศของสมาคมผู้ค้าทองคำ ซึ่งถือเป็นราคากลาง ที่คนส่วนใหญ่และร้านทองส่วนใหญ่ใช้ในการอ้างอิง จึงมั่นใจได้ว่าหากคุณต้องการซื้อขายทอง 96.5% จะได้ราคาที่เป็นไปตามมูลค่าจริงอย่างแน่นอน เลือกชมสินค้าได้แล้ววันนี้ที่ร้านทองฮั่วเซ่งเฮงทุกสาขาทั่วไทยและเว็บไซต์ของเรา หรือหากสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-112-2222 ตลอดเวลาทำการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.30 – 17.00 น.
ข้อมูลอ้างอิง
ค่ากำเหน็จ “ทองรูปพรรณ” ค่าบล็อก “ทองคำแท่ง” ซื้อแพง-ขายขาดทุน จริงหรือไม่. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.springnews.co.th/news/hot-issue/853015