แนวโน้มราคาทอง
มีโอกาสเร่งตัวขึ้นต่อ
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +38.64 ดอลลาร์ คิดเป็น +1.25%
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,122 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,127 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,076 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 50,100 บาท
ต่ำสุด – 49,650 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองปรับขึ้นร้อนแรงทำ All-time high ติดต่อกัน 3 วัน และเป็นครั้งที่ 19 ของปีนี้ แตะ $3,127 สงครามการค้าโลกรุนแรงยังหนุนราคาทองคำ เนื่องจากวันที่ 2 เม.ย. สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% และเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ต่อทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ตลาดกังวลจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย เจพี มอร์แกน คาดว่ามีโอกาส 40% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในปีนี้ จากเดิม 30% ขณะที่แบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1 หดตัว 2.8% โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทอง คาดราคาทองคำอาจทะลุ $4,200 สิ้นปีนี้ และทะลุ $4,500 สิ้นปีหน้า กองทุน SPDR ซื้อทอง 1.44 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลข 3 ตัว ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.โดยมาร์กิต, ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.โดย ISM และ จำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำเดินหน้าทำ All-time high ต่อเนื่อง โดนในช่วงเช้าราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 3,127 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้ แม้จะมีแนวต้านย่อยอยู่ที่บริเวณ 3,140 ดอลลาร์ แต่ประเมินว่ามีโอกาสที่จะผ่านแนวต้านดังกล่าว
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,105 และ 3,085 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,150 และ 3,170 ดอลลาร์
ยังคงแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น จากแนวโน้มขาขึ้น โดยเปิดแนะนำไล่เปิดสถานะซื้อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,150 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับแรกที่ 3,105 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 49,950 และ 49,650 บาท
แนวต้าน : 50,500 และ 50,800 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสงครามภาษี จึงยังแนะนำไล่ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 50,500 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับแรกที่ 49,950 บาทลงไป