แนวโน้มราคาทอง
ขึ้นทดสอบแนวต้าน
- ราคาทองปรับตัวลง (-54.77) ดอลลาร์ คิดเป็น (-1.80%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,982 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,055 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,956 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 50,500 บาท
ต่ำสุด – 49,850 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทอง Spot ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ทรัมป์ประกาศทำสงครามการค้าโลก เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำอย่างต่อเนื่อง และหันไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัย คือดอลลาร์สหรัฐฯ ฟรังก์สวิส และเยน ท่ามกลางความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ล่าสุดทรัมป์ระบุว่าจีนมีเวลาถึงวันนี้ที่จะยกเลิกมาตรการเก็บภาษี สินค้านำเข้า 34% มิฉะนั้นสหรัฐจะภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 50% โกลด์แมน แซคส์ คาดมีโอกาส 45% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่เจพีมอร์แกน คาดมีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย กองทุน SPDR ขายทอง 6.02 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขสำคัญจากทางสหรัฐฯ
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกยังคงย่อตัวลง แม้ในช่วงต้นสัปดาห์จะมีแรงซื้อเข้าหนุน แต่ประเมินว่ายังเหลือ Downside อีกพอสมควร และแนะนำทยอยเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับที่ 2,920-2,950 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,950 และ 2,920 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,005 และ 3,030 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น อาจยังติดแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,005 ดอลลาร์ ซึ่งแนะนำแบ่งขายทำกำไรที่ระดับดังกล่าว และสำหรับนักลงทุนระยะสั้นอาจทยอยเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ 2,950 ดอลลาร์ โดยมีเป้าทำกำไรที่ระดับ 3,005 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 2,920 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 49,050 และ 48,750 บาท
แนวต้าน : 49,750 และ 50,050 บาท
ราคาทองคำในประเทศ ต้องเผชิญกับแรงเทขายอีกครั้ง จึงอาจแบ่งขายทำกำไรก่อน และแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมที่ระดับ 49,050 บาท โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 49,750 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 48,750 บาทลงไป