แนวโน้มราคาทอง
ยังติดต้านที่ $3,100
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +99.53 ดอลลาร์ คิดเป็น +3.33%
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,082 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,099 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,970 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 49,950 บาท
ต่ำสุด – 49,550 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทอง Spot ปรับขึ้นแรงทะลุ $3,000 และขึ้นไปแตะจุดสูงสุดใกล้ $3,100 เนื่องจากมีแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จากการตอบโต้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกรุนแรงขึ้น ซึ่งทรัมป์ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ให้กับประเทศต่าง ๆ ยกเว้นจีนเป็นเวลา 90 วัน และมีผลบังคับใช้ทันที แต่กลับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125% จากเดิม 104% โดยมีผลบังคับใช้ในทันที เพื่อตอบโต้จีนที่เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 เม.ย. กองทุน SPDR ซื้อทอง 11.17 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ จะทำการเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) และดัชนีการบริโภคทั่วไป (CPI) นอกจากนั้นยังมีการเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
วิเคราะห์ราคาทอง
ตั้งแต่ช่วงคืนวาน ราคาทองโลกขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์ ถึง 3 ครั้งด้วยกัน แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ ซึ่งตรงกับรูปแบบ Triple Top ซึ่งราคามักกลับตัวลง หลังเกิดรูปแบบดังกล่าว
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,005 และ 2,970 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,100 และ 3,135 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่เริ่มฟื้นตัวอาจต้องเผชิญกับแรงเทขายอีกครั้ง หลังจากยังไม่สามารถผ่านแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ โดยแนะนำทยอยเข้าสะสมบริเวณแนวรับสำคัญที่ 2,950-2,970 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,100 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 2,900 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 48,700 และ 48,350 บาท
แนวต้าน : 50,050 และ 50,500 บาท
ราคาทองคำในประเทศ กลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ยังแนะนำแบ่งขายทำกำไรที่ระดับ 50,500 บาท และแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมที่ระดับ 48,700 บาท โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 50,050 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 48,350 บาทลงไป