แนวโน้มราคาทอง
ยังอาจมีแนวโน้มขึ้นต่อ
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +93.37 ดอลลาร์ คิดเป็น +3.02%
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,175 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,176 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,071 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 50,500 บาท
ต่ำสุด – 50,150 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทอง Spot ปรับขึ้นแรง 93 ดอลลาร์ ทำ All-time high ที่ $3,176 และยังปรับขึ้นทำ All-time high ต่อเนื่อง เนื่องจากมีแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนรุนแรง รวมทั้งการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 145% หลังจากทรัมป์ประกาศเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% แต่อัตราภาษีดังกล่าวยังไม่รวมกับทรัมป์เก็บภาษี 20% เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ส่วนเงินเฟ้อ CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.8% ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าตลาดคาดที่ระดับ 2.5% การแถลงของผู้ว่าการเฟด 2 ท่าน ระบุว่า ผลกระทบของนโยบายการค้ายังคงไม่แน่นอน ส่งสัญญาณเฟดยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ย กองทุน SPDR ซื้อทองสูงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 12.62 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
เวลา 19.30 น. คืนนี้ สหรัฐฯ จะมีการเผยดัชนีราคาผู้ผลิตทั่วไป (PPI) และดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) และยังมีการเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกน
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาอาจยังมีแนวโน้มขึ้นต่อ จากสงครามการค้าที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ในระยะสั้นราคาทองคำ จึงอาจเร่งตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยิ่งราคาอยู่ในระดับสูงเท่าไหร่ ก็เสี่ยงปรับฐานแรงเท่านั้น การเข้าซื้อจึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ เนื่องจากตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูงกว่าในช่วงอดีตค่อนข้างมาก
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,170 และ 3,125 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,275 และ 3,360 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่ทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,170 ดอลลาร์ขึ้นมา อาจยังมีแนวโน้มขึ้นต่อ แต่ยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าสะสมที่ 3,170 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,275 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 3,125 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 50,000 และ 49,500 บาท
แนวต้าน : 51,900 และ 52,300 บาท
ราคาทองคำในประเทศ เร่งตัวขึ้นอีกครั้งหลังปัจจัยเข้ากระทบ แต่ด้วยราคาที่อยู่ในระดับสูงแล้ว และค่าเงินบาทอาจกลับมากดดัน จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับที่ 50,000 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 51,900 บาท และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 49,500 บาทลงไป