แนวโน้มราคาทอง
ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
- ราคาทองปรับตัวลง (-21.09) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.80%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,597 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,626 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,589 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 43,100 บาท
ต่ำสุด – 42,750 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง และ Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้น เนื่องจากตลาดยังกังวลว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น จึงอาจทำให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในงานเสวนาที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 1.44 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 2.6% จากเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำปรับตัวลงแรงติดต่อกันจนหลุดแนวรับ 2,600 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย คาดว่าราคาทองคำอาจฟื้นตัวขึ้นมาบริเวณ 2,610-2,620 ดอลลาร์ ทั้งนี้จับตาบริเวณแนวต้านดังกล่าว หากยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ให้ระวังแรงเทขาย
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,585 และ 2,550 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,620 และ 2,630 ดอลลาร์
หากราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นมายังบริเวณแนวต้าน 2,610-2,620 ดอลลาร์ แล้วยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ให้เปิดสถานะขายบริเวณ 2,620 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,630 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,650 และ 42,300 บาท
แนวต้าน : 43,100 และ 43,200 บาท
หากราคาทองคำแท่งยังสามารถยืนเหนือบริเวณ 42,700 บาทได้ คาดว่าราคาทองคำแท่งอาจมีการฟื้นตัวระยะสั้น ซึ่งราคาทองคำแท่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ประเมินไว้ว่าหากต้องการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ให้เข้าซื้อบริเวณดังกล่าว และขายทำกำไรบริเวณ 43,200-43,500 บาท