แนวโน้มราคาทอง
ชะลอการปรับตัวขึ้น
- ราคาทองปรับตัวลง (-2.38) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.08%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,933 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,946 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,918 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 46,950 บาท
ต่ำสุด – 46,700 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำทำ All-time high ที่ 2,946 ดอลลาร์ ก่อนเกิดแรงเทขายออกมา ทำให้ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์และยาในอัตรา 25% ส่วนการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดสะท้อนเฟดเป็นห่วงเงินเฟ้อไม่ลดลงสู่เป้าหมาย 2% รวมถึง UBS ปรับเป้าหมายราคาทองคำสิ้นปีนี้ที่ 3,200 ดอลลาร์ ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 8.04 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2,000 รายสู่ระดับ 215,000 ราย นอกจากนี้ติดตามดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.พ. และดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนม.ค. โดย conference Board
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามปัจจัยFundamental เป็นหลัก โดยเฉพาะความกังวลเรื่องสงครามการค้า แม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคจาก MACD จะเริ่มชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น การทำจุดสูงสุดใหม่ (High) สูงกว่าจุดเดิมเพียงเล็กน้อย บ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่อ่อนแรง คาดว่าราคาทองคำจะเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น แนะนำ Wait & See
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,920 และ 2,900 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,946 และ 2,950 ดอลลาร์
แนะนำให้ Wait & See และชะลอการเข้าซื้อในช่วงนี้ เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น ควรเน้นการเข้าออกเร็ว โดยรอราคาทองคำย่อตัวมาที่ 2,915-2,920 ดอลลาร์ ค่อยเข้าซื้อ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,900 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 46,700 และ 46,600 บาท
แนวต้าน : 46,950 และ 47,000 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นทำ All-Time High ที่ 46,950 บาท แม้แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น แต่สัญญาณทางเทคนิคจาก MACD เริ่มชะลอตัว จึงแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อ สำหรับการลงทุนรอบใหม่ ควรรอให้ราคาทองคำแท่งย่อตัวลงก่อนเข้าซื้อ