แนวโน้มราคาทอง
อาจปรับฐานลงลึก
- ราคาทองเริ่มฟื้นตัวกลับ หลังปรับตัวลง (-91) ดอลลาร์ คิดเป็น (-2.70%)
Gold spot
สูงสุด – 3,386 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,261 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 53,600 บาท
ต่ำสุด – 52,350 บาท
ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทอง Spot ปรับลดลงแรงหลุด $3,300 ลดลง $91 ปิดที่ $3,287 เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า ไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานเฟดก่อนที่พาวเวลจะครบวาระในเดือนพ.ค. 2569 นอกจากนี้ทรัมป์ยังส่งสัญญาณปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยกล่าวว่าสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 145% นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0% ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.สูงกว่าคาด แต่ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนเม.ย. ต่ำกว่าคาด ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทอง 1.44 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐ จะมีการประกาศตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
รายสัปดาห์, ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดขายบ้านมือสอง
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเช้าวันนี้ ยังคงติดแนวต้านสำคัญบริเวณระดับราคา 3,370 ดอลลาร์ และปรับตัวลงไป ประเมินว่ามีโอกาสที่ราคาอาจปรับฐานลงแรง จึงแนะนำนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการเข้าซื้อสะสม ในช่วงที่ราคายังมีการปรับฐานอยู่
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,250 และ 3,200 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,370 และ 3,420 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่ย่อตัวจากแนวต้านที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์ ยังคงคาดว่าอาจมีการปรับฐานแรง โดยกลับมาแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอซื้อสะสมที่ 3,250 ดอลลาร์ โดยมีเป้าทำกำไรที่ 3,370 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 3,200 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 51,000 และ 50,500 บาท
แนวต้าน : 53,200 และ 53,600 บาท
ทองคำในประเทศเผชิญแรงขาย หลังทองโลกขึ้นทดสอบ 3,500 ดอลลาร์ แต่ประเมินว่าอาจเหลือ Downside อีกพอสมควร จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมที่ระดับ 51,000 บาท