แนวโน้มราคาทอง
แรงเทขายเล็กน้อย
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +46.44ดอลลาร์ คิดเป็น +1.73%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,715 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,716 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,668 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 44,250 บาท
ต่ำสุด – 44,250 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุ 2,700 ดอลลาร์อีกครั้ง จากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนมีการยิงขีปนาวุธตอบโต้กัน ทั้งนี้รัสเซียเตือนอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ ทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวจะรุนแรงบานปลายยิ่งขึ้น แม้ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่า และดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ จะดีเกินคาดก็ตาม ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 8.04 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้ติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนต.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
หลังจากที่ราคาทองคำเกิดสัญญาณซื้อ จาก Modified Stochastic และเกิด Bullish MACD และทะลุเส้น SMA50 ขึ้นไปได้ มีแนวโน้มทำให้ราคาทองคำมีทิศทางสดใส อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับตัวขึ้นแรงของราคาทองคำอาจมีแรงเทขายออกมาบ้าง หากราคาทองคำยืนเหนือแนวรับ 2,700 ดอลลาร์ จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,700 และ 2,680 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,730 และ 2,750 ดอลลาร์
อาจมีแรงเทขายออกมาบ้าง อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำยืนเหนือ 2,700 ดอลลาร์ ให้เข้าซื้อทองคำ หากเปิดสถานะซื้อไว้ สามารถ Let Profit Run และการเข้าซื้อรอบใหม่บริเวณ 2,680-2,700 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,670 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 44,150 และ 43,950 บาท
แนวต้าน : 44,400 และ 44,600 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นทะลุ 44,000 บาทได้อีกครั้ง ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น หลังจากสามารถยืนเหนือเส้น SMA20 ขึ้นได้ ทำให้ราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อไว้สามารถ Let Profit Run และรอขายทำกำไรบริเวณ 44,550 บาท