แนวโน้มราคาทอง
Sideways
- ราคาทองปรับตัวลง (-1.11) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.03%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,020 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,031 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,012 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 48,650 บาท
ต่ำสุด – 48,450 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำเคลื่อนไหวกรอบแคบ แต่ปิดตลาดลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า และ Bond yield สหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น หลังจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.ดีกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 4 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 2.3% จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 225,000 ราย และยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนก.พ. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9% จากที่ลดลง 4.6% ในเดือนม.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways ออกข้าง โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 3,000–3,040 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังการพักฐานในระยะสั้น เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคทั้ง Modified Stochastic และ MACD เริ่มแสดงสัญญาณการชะลอตัว อย่างไรก็ดี ภาพรวมของราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้ม ขาขึ้นในระยะยาว
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,010 และ 3,000 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,030 และ 3,040 ดอลลาร์
หากเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำอาจเปิดสถานะขายที่ 3,030-3,040 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 3,050 ดอลลาร์ และขายทำกำไรที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 48,450 และ 48,300 บาท
แนวต้าน : 48,700 และ 48,800 บาท
ราคาทองคำแท่งยังคงทรงตัวในระดับสูง จากที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสัญญาณจาก MACD มีการชะลอตัวลง จึงให้ชะลอเข้าซื้อ หรือหากเก็งกำไรระยะสั้น ยังคงแนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วน แล้วรอจังหวะเข้าซื้อทองคำรอบใหม่ แต่หากลงทุนระยะยาวสามารถถือต่อไปได้