สิ่งที่ควรรู้จากการประชุมเฟดครั้งนี้
ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 6-7 พ.ค. 2568 มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม 4.25-4.50% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
แถลงการณ์ของเฟดได้เตือนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น (Stagflation) โดยระบุว่า “คณะกรรมการเฟดให้ความสนใจต่อความเสี่ยงที่มีต่อพันธกรณีทั้งสองประการของเฟด และประเมินว่าความเสี่ยงของการว่างงานที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว”
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่า ถึงแม้ว่าทรัมป์กดดันให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด เฟดตัดสินใจไม่ลดอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนดเพื่อลดผลกระทบจากภาษีศุลกากร เนื่องจากเงินเฟ้อคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น และสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย ดังนั้นต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจและผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเพื่อปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้มุมมองของตลาดคาดเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 0.75% หรือ 3 ครั้งๆ ละ 0.25% ในเดือนกรกฎาคม เดือนกันยายน และเดือนธันวาคม
แนวโน้มราคาทองคำและคำแนะนำการลงทุน
ราคาทองคำปรับลงแรงจากข่าวการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นจะฟื้นตัว จากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้า และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิดภาวะ Stagflation
การลงทุนทองแท่งในระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรฝั่งซื้อที่ 3,320 ดอลลาร์ และขายทำกำไรเมื่อราคาทองขึ้นไปที่ 3,435 ดอลลาร์ ระยะยาวแนะนำถือต่อไปได้ (Let Profit Run) ขายที่ 3,500 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อสะสมที่ราคาทอง Spot 3,200-3,220 / 3,150 ดอลลาร์