ปีนี้เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เหมือนเดิม
ทองทำ All-time high แนวต้าน $3,060 / 3,100
ราคาทองคำ Spot ทำ All-time high ต่อเนื่อง สงครามการค้ารุนแรงขึ้น

ที่มา: Metals Focus, Refintiv GFMS, World Gold Council, 31 ธันวาคม 2567
สิ่งที่ควรรู้จากการประชุมเฟดครั้งนี้
ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 มี.ค. 2568 มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม 4.25-4.50% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
Dot Plot หรือการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนธ.ค.2567 ปีนี้เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 2 ครั้ง และปี 2569 จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
เฟดมองเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลง อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น โดยปรับลดจีดีพีปีนี้คาดจะขยายตัว 1.7% จากประมาณการครั้งก่อนที่ 2.1% อัตราการว่างงานปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% จากประมาณการครั้งก่อนที่ 4.3% อัตราเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานในปีนี้คาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ 2.5%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เแถลงว่า นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐจะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะสั้น แต่คาดว่าจะไม่กินระยะเวลายาวนาน นักเศรษฐศาสตร์บางคนได้ปรับเพิ่มแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย แต่ยังคงมองว่าการที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงยังคงไม่แน่นอน
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้มุมมองของตลาดคาดเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 0.50% หรือ 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายนและเดือนกันยายน
แนวโน้มราคาทองคำและคำแนะนำการลงทุน
แนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นคาดปรับขึ้น แต่เริ่มลดความร้อนแรง ที่แนวต้าน 3,060 / 3,100 ดอลลาร์คาดจะมีแรงเทขายทำกำไร แต่ในระยะยาวราคาทองคำเป็นขาขึ้น เนื่องจากทองคำยังได้รับความสนใจในสินทรัพย์ปลอดภัยที่ป้องกันความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยหรือเกิด Stagflation จากนโยบายทรัมป์ 2.0 และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสถานการณ์ตะวันออกกลางที่รุนแรงอยู่
การลงทุนทองแท่งในระยะสั้น แนะนำขายทำกำไรเมื่อราคาทองขึ้นไปที่ 3,060 / 3,100 ดอลลาร์ ระยะยาวแนะนำถือต่อไปได้ (Let Profit Run) การเข้าซื้อแนะนำทยอยสะสมที่ราคาทอง Spot 3,000 / 2,950 ดอลลาร์