สงครามการค้า ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดการเงินโลก

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุหลักมาจากความตึงเครียดในสงครามการค้า  ซึ่งจีนได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ถึง 34% เพื่อตอบโต้การปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนนี

แม้ว่าราคาทองคำจะผันผวนในช่วงนี้ แต่หากมองภาพรวมตั้งแต่ต้นปี ราคาทองคำที่เร่งตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อทองคำของธนาคารกลางและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก และเป้าหมายของราคาทองในปีนี้ ซึ่งสถาบันการเงินหลายสำนักเริ่มทยอยกันออกมาปรับเป้าขึ้น

ผลกระทบจากนโยบายของเฟดและดอลลาร์สหรัฐฯ
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งอาจกระทบเศรษฐกิจมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า ทั้งในด้านเงินเฟ้อและการเติบโตที่ชะลอตัว จากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 228,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.2% ตลาดคาดว่าเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกดดันราคาทองคำ เนื่องจากทองคำไม่มีดอกเบี้ยตอบแทน

ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางและการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์

ตั้งแต่ในปี 2022 ภายใต้สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ธนาคารกลางทั่วโลกจึงเริ่มลดการถือครองเงินสกุลดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศลง เพื่อลดความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ปริมาณการเข้าซื้อทองคำโดยธนาคารกลางทั่วโลกจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 ธนาคารกลางทั่วโลกได้ซื้อทองคำรวม 1,045 ตัน และคาดว่าในปีนี้ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางจะยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงของการด้อยค่าของเงินดอลลาร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

การคาดการณ์ราคาทองคำจากโบรกเกอร์ต่างประเทศ
หลังจากที่ราคาทองเร่งตัวขึ้นแรงและเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงปลายปีที่แล้ว หลายโบรกเกอร์หลายเจ้าจึงออกมาปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ขึ้น โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าราคาทองคำจะแตะ $3,300 จากเดิมที่คาดไว้ที่ $3,100 เนื่องจากการไหลเข้าของกองทุน ETF ที่แข็งแกร่งและความต้องการจากธนาคารกลางที่ยังคงสูง ส่วน Bank of America คาดว่าราคาทองคำอาจแตะ $3,500 ในอีก 2 ปีข้างหน้า

การคาดการณ์ราคาทองคำจากฮั่วเซ่งเฮง
ขณะที่ทางฮั่วเซ่งเฮงคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้จะอยู่ที่ $3,360 โดยอ้างอิงจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจเข้าสู่ช่วงของการถดถอย ส่งผลทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้น เนื่องจาก เฟด อาจต้องทำการลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถดถอย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการของทองคำขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และยังสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดี

แต่ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ราคาทองโลกมีการย่อตัวลงมา และอาจยังเหลือ Downside อีกพอสมควร จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าสะสมจากแนวรับสำคัญที่ 2,980 และ 2,950 ดอลลาร์ (ทองคำในประเทศบาทละ 48,700 และ 48,200 บาทตามลำดับ) และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 3,035 และ 3,055 ดอลลาร์ (ทองคำในประเทศบาทละ 49,500 และ 49,800 บาทตามลำดับ) หากอิงค่าเงินบาทที่ 34.50 บาท

ดาวน์โหลดเอกสาร