สหรัฐฯ และจีน ยังคงตอบโต้เดือด
Gold Bullish
- ความกังวลสงครามการค้าที่ยังคงไร้ข้อยุติ
- เศรษฐกิจสหรัฐที่อาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว
- ดอลลาร์อ่อนค่า จากสงครามการค้า
- ราคาทองได้แรงหนุนจากการปรับเป้าในปีนี้
Gold Bearish
- แรงขายทำกำไร เมื่อราคาทดสอบต้าน
- ความหวังในการเจรจาสงครามการค้า
- เงินบาทแข็งค่า กดดันทองในประเทศ
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาความผันผวนในตลาดโลกและลดความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม จีนไม่ได้รับการยกเว้นจากมาตรการนี้ โดยสหรัฐฯ ได้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% ซึ่งรวมถึงภาษี 20% ที่ประกาศก่อนหน้านี้เพื่อกดดันให้จีนดำเนินการมากขึ้นในการควบคุมการไหลเข้าของเฟนทานิลสู่สหรัฐฯ AP News การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวในระยะสั้น โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประกาศเลื่อนการเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าภาษีที่ยังคงอยู่และความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก
และในวันที่ 15 เมษายน สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียดยิ่งขึ้น หลังจากทางการจีนมีคำสั่งให้สายการบินในประเทศระงับการรับมอบเครื่องบินโบอิ้งล็อตใหม่ เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ ประกาศตั้งกำแพงภาษี 145% กับสินค้าจีน อีกทั้งยังขอให้สายการบินจีนระงับการจัดซื้อชิ้นส่วนและอุปกรณ์จากบริษัทอเมริกัน ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการบำรุงรักษาเครื่องบินเพิ่มขึ้น โดยสายการบินยักษ์ใหญ่ของจีนทั้งแอร์ไชน่า ไชน่าอีสเทิร์น และไชน่าเซาเทิร์น ต่างมีแผนรับมอบเครื่องบินโบอิ้งจำนวนมากในปี 2568-2570 ท่ามกลางภาวะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายปีจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ต่างได้รับผลกระทบจากการนโยบายเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ขณะที่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังสามารถเร่งตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังทรัมป์ส่งสัญญาณอาจช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า
ผลกระทบจากนโยบายสงครามการค้าการเร่งให้เฟด ต้องเร่งลดดอกเบี้ยลงในปีนี้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเริ่มกลับมาให้น้ำหนักว่าในปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจปรับลดดอกเบี้ยในปี 2025 ได้ถึง 3–4 ครั้ง โดยได้รับผลกระทบจากสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีโอกาสอาจเข้าสู่การถดถอย (Recession) มากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนให้ Fed อาจมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้เฟดอาจต้องรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่กำลังจะประกาศเพื่อพิจารณาในการใช้นโยบายต่างๆ ให้เหมาะสมและรัดกุมต่อสถานการณ์มากที่สุด
ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการปรับเป้าของโบรกเกอร์ต่างประเทศ
โดยก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม Goldman Sachs ได้มีการออกมาปรับเพิ่มเป้าราคาทองคําปี 2025 เป็น $3,300/ออนซ์ และในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วมีการออกมาปรับเพิ่มเป้าราคาทองคําเพิ่มในปีนี้อีกครั้ง ขึ้นไปสู่ระดับ $3,700/ออนซ์ โดยเป็นการปรับเพิ่มครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้
การคาดการณ์ราคาทองคำจากฮั่วเซ่งเฮง
แม้ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ราคาทองโลกมีการลดช่วงบวกลงมาเล็กน้อย แต่ก็ยังได้รับปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนต่างๆเช่นเดิม ขณะที่ภาพใหญ่ยังดูเป็นขาขึ้นอยู่ แต่ราคาที่อยู่ในระดับที่สูงแล้วอาจเสี่ยงถูกแรงเทขายทำกำไรเป็นระยะ ขณะที่ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้กลับมาแข็งค่ากดดันราคาทองในประเทศ จึงยังคงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าสะสมจากแนวรับสำคัญที่ 3,200 และ 3,150 ดอลลาร์ (ทองคำในประเทศบาทละ 50,700 และ 49,900 บาทตามลำดับ) และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 3,250 และ 3,300 ดอลลาร์ (ทองคำในประเทศบาทละ 51,500 และ 52,250 บาทตามลำดับ) หากอิงค่าเงินบาทที่ 33.50 บาท