ราคาทองคำพุ่งทำนิวไฮ!
Fear & Greed Index แตะ Extreme Fear
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น
Gold Bearish
- แรงเทขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาทองคำแตะ 3,000 ดอลลาร์
คาดราคาทองคำพุ่งทำนิวไฮ! Fear & Greed Index แตะ Extreme Fear ท่ามกลางความกลัวเศรษฐกิจถดถอย
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นร้อนแรงทำ All-Time High แตะระดับที่ 3,004 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นไปกว่า 13.73% นับตั้งแต่ต้นปี ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศทำ All-time high เช่นกันที่ระดับ 47,650 บาท โดยราคาทองคำแท่งในประเทศได้ปรับตัวขึ้นไปกว่า 11.37% นับตั้งแต่ต้นปีเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น เจากทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200% หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับจีนที่ 10% ทุกประเภท ทำให้จีนได้มีการตอบโต้กลับ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% ต่อมาสหรัฐได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจีนเป็น 20% กับสินค้าทุกชนิด จีนจึงตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร (ถั่วเหลือง ไก่สับ แป้งสาลี ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์จากฝ้าย ฟางข้าว หมู เนื้อวัว อาหารทะเล ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม รวมถึงสอบสวนบริษัทสหรัฐ 25 แห่ง เข้าบัญชีควบคุมการส่งออกที่ไม่น่าเชื่อถือ ทรัมป์ยังปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นอัตรา 25% ซึ่งการที่ทรัมป์มีการทำสงครามการค้า ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เป็นพันธมิตร สร้างความกังวลต่อนักลงทุนอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อทั่วโลก อาจส่งผลต่อเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สิ่งที่นักลงทุนมีความกังวลอยู่ 2 ประเด็น คือ การลดขนาดรัฐบาลกลาง ภาษีนำเข้าสินค้าที่ทรัมป์เชื่อว่าอาจทำให้อเมริการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง การที่ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์ใน Fox News ก็สะท้อนถึงตัวทรัมป์น่าจะยอมแลกผลกระทบระยะสั้นที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเงินเฟ้อ เพื่อได้มาซึ่งผลระยะยาวที่ทรัมป์ต้องการ เพราะทรัมป์หลีกเลี่ยงคำถามทาง Fox News ถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ทรัมป์ใช้คำตอบที่ว่า เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่าน เพราะสิ่งที่เค้าทำนั้นมันยิ่งใหญ่มาก
หากพิจารณาจาก Fear & Greed Index เป็นดัชนีที่พัฒนาโดย CNN เพื่อวัดความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดการเงิน โดยคำนวณจาก 7 ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่ Stock Price Momentum: เป็นการเปรียบเทียบค่าปัจจุบันของ S&P 500 กับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 125 วัน, Stock Price Strength วัดจำนวนหุ้นที่ทำราคาสูงสุดและต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก, Stock Price Breadth เปรียบเทียบปริมาณการซื้อขายของหุ้นที่ราคาปรับขึ้นกับหุ้นที่ราคาปรับลง, Put and Call Options วิเคราะห์อัตราส่วนระหว่างปริมาณการซื้อขายออปชั่นแบบ Put และ Call, Junk Bond Demand ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรที่มีความเสี่ยงสูงและพันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำ,Market Volatility วัดโดยดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีความผันผวนของตลาด และ Safe Haven Demand ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล เมื่อเทียบกับหุ้น
ซึ่งค่า Fear & Greed Index ล่าสุดอยู่ที่ 21 เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2568 ซึ่งอยู่ในช่วง Extreme Fear (ความกลัวขั้นสุด) ซึ่งค่าต่ำกว่าเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ค่ายิ่งต่ำ ยิ่งแสดงถึงความกลัวขั้นสุด แสดงว่าความกลัวในตลาดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตลาดกำลังอยู่ในภาวะที่นักลงทุนมีความกังวลและไม่มั่นใจเป็นอย่างมาก อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและภาวะถดถอย (Recession Risk) ซึ่งนักลงทุนมีความกังวลนโยบายภาษีนำเข้าสินค้าจากทรัมป์ ที่อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้หากดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN อยู่ที่ระดับ Extreme Fear (21) แสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตลาดการเงินมีความกังวลสูงมากเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สถานการณ์นี้อาจส่งผลต่อราคาทองคำในหลายแง่มุม อาจส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี และหันมาถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ปัจจัยนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession Risk) และนโยบายภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงนักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเผชิญกับความผันผวนสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนจะเข้าสู่ตลาดทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) นอกจากนี้ กองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับทองคำและนักลงทุนรายใหญ่ อาจเพิ่มสถานะการถือครองทองมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากดัชนี Fear & Greed Index อยู่ที่ระดับ Extreme Fear และยังไม่มีแนวโน้มที่มีค่าดีขึ้นเกินกว่า 25 ทองคำก็ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากความกังวล ความกลัวดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงของ All-time high ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินของเฟด และความผันผวนของตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ราคาทองคำยังสามารถทำ All-Time high รอบใหม่ในปีนี้ แต่ให้ระวังแรงเทขายระยะสั้นหลังจากที่ราคาทองคำแตะที่ 3,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เป็นการปรับตัวลงเพื่อขึ้นต่อในระยะต่อไป โดยสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับ 2,950 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 2,920 ดอลลาร์ และมีแนวต้านที่ 3,020 ดอลลาร์ และ 3,040 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศมีแนวโน้มย่อตัวลงเพื่อปรับตัวขึ้นได้ต่อเช่นกัน โดยมีแนวรับ 47,200 บาท และแนวรับถัดไป 47,000 บาท ส่วนแนวต้าน 47,900-48,000 บาท