ราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่!
จับตาทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้า
เจรจายุติสงครามยูเครน
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามอิสราเอล-ฮามาส
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น
Gold Bearish
- สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจผ่อนคลายลง
ราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่! จับตาทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้า-เจรจายุติสงครามยูเครน
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำโลกยังคงเดินทำ All-time high อย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาทองคำยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และสงครามการค้าโลกที่อาจรุนแรง โดยราคาทองคำโลกได้ปรับตัวขึ้นกว่า 15.21% นับตั้งแต่ต้นปี ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นกว่า 13.72% นับตั้งแต่ต้นปีเช่นกัน
สงครามการค้าโลก ยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนยังคงมีความกังวลว่าผลกระทบจากมาตราการภาษีนำเข้าสินค้าของทรัมป์ จะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนับตั้งแต่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการมาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน ทรัมป์ได้มีการขู่หรือประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ามาเป็นระยะ โดยทรัมป์เล่นงานทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโกและแคนาดา หรือประเทศพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ไม่ใช่เพียงประเทศแค่บางประเทศ โดยเฉพาะจีน อย่างที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ ซึ่งในช่วงหาเสียงทรัมป์เคยให้ชาวอเมริกันเข้าใจว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก “บางประเทศ” โดยเฉพาะ “จีน” เพื่อสกัดไม่ให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแซงหน้าอเมริกาในวันข้างหน้า คะแนนนิยมทรัมป์ดิ่งลง
ผลสำรวจล่าสุดจากสื่อสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมด้านเศรษฐกิจของทรัมป์ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดย 54% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจไม่เห็นด้วยกับผลงานด้านเศรษฐกิจของทรัมป์ และ 55% ไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดการเงินเฟ้อและค่าครองชีพ ทั้งนี้นักลงทุนยังคงต้องติดตามมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของทรัมป์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทรัมป์กล่าวว่าวันที่ 2 เม.ย. ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อสินค้าที่นำเข้าจากทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐ และแม้ว่าบางประเทศไม่ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐ แต่ได้มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ประเทศดังกล่าวก็จะถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้เช่นกัน ซึ่งทรัมป์จะยังคงเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตามที่ทรัมป์ประกาศไว้หรือไม่? ซึ่งอาจทำให้เกิดสงครามการค้าที่อาจรุนแรง ดันราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้อีกครั้ง หรือทรัมป์อาจมีการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าออกไป หรืออาจยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 2 เม.ย.นี้ หากเป็นเช่นนั้นนักลงทุนอาจคลายความกังวลลงไปได้
นอกจากประเด็นสงครามการค้าแล้ว ในช่วงสัปดาห์นี้ยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตาจากที่เจ้าหน้าที่ยูเครนและสหรัฐจะพบปะกันในวันที่ 24 มี.ค.ที่ซาอุดีอาระเบีย โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือกันเกี่ยวกับการระงับการโจมตีระบบพลังงานของรัสเซียและยูเครน ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สหรัฐก็จะทำการเจรจากับเจ้าหน้าที่รัสเซียต่อไป โดยมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐจะหารือกันเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน และการเดินเรือในทะเลดำ ซึ่งการหารือนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กัน โดยปธน.ปูตินเห็นพ้องที่จะให้มีการหยุดยิงเป็นเวลา 30 วันต่อเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครน
แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้อาจปรับตัวลง หลังจากที่ราคทองคำทำ All-Time high เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำจาก Modified Stochastic เริ่มเกิดเส้นตัดกันลงมา อย่างไรก็ตามคาดว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น เพื่อปรับตัวขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้ราคาทองคำมีแนวรับ 3,000 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 2,990 ดอลลาร์ และมีแนวต้านที่ 3,040 ดอลลาร์ และ 3,057 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศอาจปรับตัวลงเช่นกัน โดยมีแนวรับ 48,250 บาท และแนวรับถัดไป 48,000 บาท ส่วนแนวต้าน 48,750 บาท และ 48,950 บาท