ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 11-12 มิ.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลง และแรงกดดันด้านราคาก็ลดน้อยลงด้วย แต่กรรมการเฟดยังคงแนะนำให้รอดูสถานการณ์ ก่อนที่จะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รายงานการประชุมเฟดซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ระบุว่า การชะลอตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ค.นั้น เป็นหนึ่งในพัฒนาการที่สนับสนุนมุมมองที่ว่าเงินเฟ้อเริ่มอ่อนแรงลง อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดย้ำว่า พวกเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องเหมาะที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่จะทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน
กรรมการเฟดส่วนหนึ่งระบุว่า ค่าจ้างขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่กรรมการอีกส่วนหนึ่งระบุว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกรายใหญ่ปรับลดราคาสินค้าลง โดยแม้เงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในช่วงขาลง กรรมการเฟดก็ยังคงไม่พร้อมที่จะเปิดโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมั่นใจ
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 11-12 มิ.ย. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดคาดการณ์การขยายตัวในปี 2567, 2568 และ 2569 อยู่ที่ระดับ 2.1%, 2.0% และ 2.0% ตามลำดับ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์