“ทรัมป์” เปิดตัวกรอบข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหราชอาณาจักร พร้อมลดภาษีนำเข้ารถยนต์-เหล็กกล้าลงเหลือ 10% หวังใช้ข้อตกลงนี้เป็นต้นแบบกับประเทศอื่น
วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 เวลา 22.27 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศว่า ได้บรรลุกรอบข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหราชอาณาจักร ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “ความก้าวหน้าครั้งใหญ่” ที่จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและเพิ่มการเข้าถึงตลาดสำหรับสินค้าส่งออกของอเมริกา
“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่า เราได้บรรลุข้อตกลงการค้าครั้งสำคัญกับสหราชอาณาจักรแล้ว” ทรัมป์กล่าวจากห้องทำงานรูปไข่
ทรัมป์กล่าวว่า รายละเอียดสุดท้ายของข้อตกลงยังอยู่ระหว่างการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตามภายใต้ข้อตกลงนี้สหราชอาณาจักรจะเร่งกระบวนการศุลกากรสำหรับสินค้าสหรัฐ และลดอุปสรรคสำหรับการส่งออกในหมวดเกษตรกรรม เคมี พลังงาน และอุตสาหกรรม
“ข้อตกลงนี้จะเพิ่มมูลค่าการเข้าถึงตลาดสำหรับสินค้าสหรัฐหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในภาคเกษตร เช่น เนื้อวัว เอทานอล และสินค้าจากเกษตรกรอเมริกันของเราเกือบทั้งหมด” ทรัมป์กล่าว
นี่ถือเป็นการประกาศข้อตกลงครั้งแรกหลังจากทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้าสูงกับประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศ ก่อนจะประกาศชะลอมาตรการดังกล่าวชั่วคราวเพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศเจรจาข้อตกลงกับสหรัฐ
เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวผ่านโทรศัพท์ในการประกาศครั้งนี้ว่า “ข้อตกลงนี้จะส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของเรา ไม่เพียงปกป้องงาน แต่ยังสร้างงานใหม่ผ่านการเปิดตลาด”
ข้อตกลงดังกล่าวสร้างความหวังอย่างระมัดระวังในวอลล์สตรีท ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สอง แม้จะลดลงจากจุดสูงสุดระหว่างวัน ขณะที่พันธบัตร ทองคำ และสกุลเงินปลอดภัยอ่อนค่าลง
ข้อตกลงกับอังกฤษอาจเป็นต้นแบบสำหรับข้อตกลงในอนาคตกับประเทศอื่น ๆ แม้กรอบข้อตกลงนี้ยังมีขอบเขตจำกัด และยังคงอัตราภาษีพื้นฐานไว้ที่ 10% ตามที่รัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาเวิร์ด ลัทนิก กล่าว
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้ผลิตรถยนต์อังกฤษสามารถส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐได้ 100,000 คัน ด้วยภาษี 10% แทนที่จะเป็น 27.5% อย่างที่เคยถูกเก็บหลังทรัมป์ขึ้นภาษี
โดยเครื่องยนต์และชิ้นส่วนเครื่องบินจากบริษัท Rolls-Royce จะสามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้โดยปลอดภาษี และสายการบินแห่งหนึ่งของอังกฤษจะสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ยังไม่ระบุชื่อสายการบิน)
ตามแถลงการณ์ของรัฐบาลอังกฤษ สหรัฐ จะยกเลิกภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากสหราชอาณาจักรเป็นศูนย์ ขณะที่เกษตรกรอังกฤษจะได้โควต้านำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ปลอดภาษีจำนวน 13,000 ตัน โดยรัฐบาลอังกฤษย้ำว่าจะไม่ลดมาตรฐานด้านอาหารสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐ
นอกจากนี้หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ยังต้องเจรจาเพิ่มเติมคือ ภาษีบริการดิจิทัลของสหราชอาณาจักร ซึ่งกระทบบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ
จากข้อมูลของรัฐบาลสตาร์เมอร์ ระบุว่าสหราชอาณาจักรจะไม่เปลี่ยนแปลงภาษีดังกล่าวภายใต้ข้อตกลงนี้ แต่ทั้งสองประเทศตกลงจะทำข้อตกลงการค้าดิจิทัล เพื่อลดขั้นตอนเอกสารสำหรับบริษัทอังกฤษที่ต้องการส่งออกไปยังสหรัฐ
การเจรจาจะดำเนินต่อในเรื่องอุตสาหกรรมยาและภาษีที่เหลือ รัฐบาลสหรัฐฯ จะให้ “การปฏิบัติพิเศษ” กับอังกฤษ หากมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมในภาคส่วนอื่น ๆ เช่น ยา ไม้ ทองแดง และเซมิคอนดักเตอร์
ทั้งนี้สหรัฐและอังกฤษยังคาดว่าจะเจรจาความร่วมมือทางเทคโนโลยีขั้นสูงในสาขาต่าง ๆ เช่น ควอนตัมคอมพิวติ้ง ฟิวชันนิวเคลียร์ และการบินอวกาศ
ด้วยผลสำรวจล่าสุดที่แสดงว่าประชาชนอเมริกันมีความไม่พอใจต่อการบริหารเศรษฐกิจของทรัมป์ ข้อตกลงนี้จึงอาจเป็นทางออกของแผนขึ้นภาษีที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษที่เขาเสนอไว้
ทรัมป์กำลังกดดันให้ประเทศต่าง ๆ เร่งทำข้อตกลงกับสหรัฐภายใต้ช่วงเวลาผ่อนผัน 90 วัน โดยอังกฤษไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนผันนี้โดยตรง เนื่องจากถูกเก็บภาษีพื้นฐานเพียง 10% แทนที่จะเป็นอัตราสูงสุด
ปัจจุบันสหรัฐยังคงเผชิญข้อพิพาททางการค้ากับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 3 โดยทรัมป์ได้ขึ้นภาษี 145% กับสินค้าจีน ขณะที่รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เจมีสัน เกรียร์ กำลังเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการกับจีนในสัปดาห์นี้ แต่ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่ลดภาษีล่วงหน้าเพื่อแลกกับการเร่งข้อตกลง
ทรัมป์เริ่มใช้มาตรการขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีในสัปดาห์ถัดมา หลังตลาดพันธบัตรปั่นป่วนและตลาดหุ้นดิ่งลง แต่ยังคงภาษี 10% กับเกือบทุกประเทศในช่วงเจรจา โดยอังกฤษรอดจากการถูกเก็บภาษี “แบบต่างตอบแทน” ที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศเศรษฐกิจหลักที่สหรัฐฯ ไม่ขาดดุลการค้า
การค้ารถยนต์ระหว่างสหรัฐกับสหราชอาณาจักรยังไม่สมดุล โดยปีที่แล้วสหรัฐฯ นำเข้ารถยนต์จากอังกฤษมูลค่า 8.19 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่าส่งออกของรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กจากสหรัฐฯ ไปอังกฤษกว่า 10 เท่า
ข้อตกลงนี้จะช่วยลดภาระภาษีสำหรับส่วนเล็ก ๆ ของรถยนต์นำเข้าทั้งหมดในสหรัฐฯ โดยปีที่แล้วอังกฤษส่งออกรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กประมาณ 96,000 คัน มูลค่าราว 8.2 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่เม็กซิโก ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้ารถยนต์อันดับหนึ่งของสหรัฐฯ ส่งออกเกือบ 3 ล้านคัน แบรนด์หรูและเฉพาะทาง เช่น Jaguar Land Rover, McLaren และ Aston Martin เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรง
ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในรางวัลใหญ่จากการที่สหราชอาณาจักรถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และข้อตกลงนี้ได้สร้างความหวังว่าจะช่วยยกระดับแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ
นอกจากนี้ยังเป็นการยืนยันแนวทางของสตาร์เมอร์ในการติดต่อกับทรัมป์ โดยก่อนหน้านี้ในการเยือนทำเนียบขาวครั้งแรก สตาร์เมอร์สร้างความประทับใจแก่ทรัมป์ด้วยคำเชิญจากกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ให้เยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ แอนดรูว์ เบลีย์ กล่าวในงานแถลงข่าวหลังการลดดอกเบี้ยว่า เขายินดีกับข่าวข้อตกลงการค้าและหวังว่าสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงกับประเทศอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ข้อตกลงนี้จะช่วยลดความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ” เขากล่าว “สหราชอาณาจักรเป็นเศรษฐกิจที่เปิดมาก ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าและภาษีของประเทศอื่นโดยตรง”
แม้ว่าทรัมป์และทีมงานจะส่งสัญญาณต้องการทำข้อตกลง แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขายังแสดงท่าทีสับสน โดยลดความสำคัญของการเจรจา และกล่าวว่าเขาสามารถกำหนดอัตราภาษีและข้อยกเว้นเองได้ หากการเจรจาไม่คืบหน้า
ที่มา : สำนักข่าว Bloomberg , การเงินธนาคาร