สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (7 มี.ค.) แต่ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ในเดือนก.พ.บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 12.50 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 2,914.10 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ซึ่งทำให้ทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
“ตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าคาดกำลังช่วยหนุนราคาทองคำ รวมถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์ในสัปดาห์นี้” บ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโสจากอาร์เจโอ ฟิวเจอร์สกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 159,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0%
ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักยุทธศาสตร์โลหะอาวุโสจาก Zaner Metals กล่าวว่า ตลาดทองคำกำลังอยู่ในช่วงการปรับฐาน โดยมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดจะใช้แนวทางระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และระบุเสริมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะที่ดี
ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวม 0.76% ภายในสิ้นปีนี้ โดยเริ่มในเดือนมิ.ย.
ด้านธนาคารกลางจีนเปิดเผยข้อมูลระบุว่า จีนยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนก.พ.
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์