ข่าวสารการลงทุน

ดาวโจนส์ปิดบวก 243.60 จุด แต่ Nasdaq ร่วงหนักจากแรงขายหุ้นเทคโนฯ

18 กรกฎาคม 2567|07:36 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (17 ก.ค.) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิป

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,198.08 จุด เพิ่มขึ้น 243.60 จุด หรือ +0.59%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,588.27 จุด ลดลง 78.93 จุด หรือ -1.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,996.92 จุด ลดลง 512.42 จุด หรือ -2.77%

          หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักถึง 3.72% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลง 2.1% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.43% รองลงมาคือดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.08%

          ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด

          อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ร่วงลงกว่า 1% ส่วนดัชนี Nasdaq ดิ่งลงเกือบ 2.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 โดยดัชนีทั้ง 2 ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิป หลังจากมีรายงานข่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากบริษัทเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ

          ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ “Magnificent Seven” ดิ่งลงถ้วนหน้า โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 6.6% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.3% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.5% หุ้นอะเมซอน ร่วงลง 2.6% หุ้นเทสลา ดิ่งลง 3.1% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 5.7%

          นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังได้ฉุดดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลง 6.8% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 และยังส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

          ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้ระหว่างสหรัฐและจีนยังได้ฉุดดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน ต่ำ ปรับตัวลง 1% หลังจากที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการเนื่องจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

          สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายปี การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.

          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 1.353 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านยูนิต ส่วนเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 4.4% ในเดือนมิ.ย.

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Donald Trump

“ทรัมป์” เตรียมประกาศรีดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% จากทุกประเทศวันนี้

15:22 น.

 
ตลาดหุ้น

ดาวโจนส์ปิดลบ 444.23 จุด วิตกสงครามการค้า-ข้อมูลจ้างงานอ่อนแอ

08:35 น.

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดเพิ่ม $10.90 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

08:33 น.

 
ตลาดหุ้น

ดาวโจนส์ปิดลบ 125.65 จุด จับตาผลประกอบการ Amazon, จ้างงานสหรัฐฯ

07:09 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ตะกร้าสินค้า0
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
เลือกซื้อสินค้าต่อ
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า