เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ได้เสร็จสิ้นการประชุมในวันพุธ (19 มี.ค.) โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25% – 4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
ทั้งนี้ พาวเวลกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อนั้นมาจากมาตรการภาษีศุลกากร พร้อมกับกล่าวว่าการที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศต่าง ๆ นั้น จะส่งผลให้เฟดเผชิญกับความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ
“ผมคิดว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรจะทำให้เฟดมีความคืบหน้าช้าลงในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ”
พาวเวลยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าบรรดานักเศรษฐศาสตร์นอกองค์กรเฟดได้เพิ่มการประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่การชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจนั้น ยังไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยการแสดงความเห็นของพาวเวลทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันพุธ
“มีหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้” พาวเวลกล่าว เขายอมรับว่าความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และถือเป็นความท้าทายสำหรับเฟดในการรับมือกับช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงเมื่อนโยบายใหม่จากรัฐบาลทรัมป์ถูกนำมาใช้
“ผมคิดว่าเราอยู่ในสถานะที่พร้อมจะรอดูความชัดเจนเพิ่มเติม และไม่ต้องรีบร้อน”
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
