สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ภาษีศุลกากร 25% ของสหรัฐต่อ “แคนาดา” และ “เม็กซิโก” จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมเหมือนเดิม และจะกำหนดภาษีเพิ่มเติมอีก 10% สำหรับสินค้านำเข้าจาก “จีน” ตามคำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านของสหรัฐ ยังคงหลั่งไหลเข้ามาในระดับที่สูงมากและไม่สามารถยอมรับได้
ในขณะนี้ ทวีปอเมริกาเหนือกลับมายืนอยู่บนขอบเหวของสงครามการค้า ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์มองว่า จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสหรัฐ ทำให้อัตราเงินเฟ้อแย่ลง และอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะถดถอยในเม็กซิโกและแคนาดา รวมถึงจีนซึ่งส่งออกสินค้าสู่สหรัฐมากที่สุด โดยหากไม่มีการผ่อนผันในนาทีสุดท้าย วันที่ 4 มีนาคม จะเห็นการปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้ามูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
สำหรับภาษีที่เรียกเก็บกับจีน ทรัมป์อ้างถึงบทบาทของจีนในธุรกิจยาเสพติดเฟนทานิล โดยที่แก๊งค้ายามักใช้ส่วนประกอบจากจีนในการผลิตยาเสพติดดังกล่าว ตามข้อมูลจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ ขณะที่จีนได้ปฏิเสธประเด็นนี้ว่าเป็นเพียง “ข้ออ้าง” สำหรับภาษีของทรัมป์
หากสหรัฐขึ้นภาษีจริง ผลกระทบที่ตามมา คือ ราคาสินค้าในภาคครัวเรือนมีแนวโน้มแพงขึ้น จนทรัมป์เสี่ยงเผชิญการต่อต้านทางการเมือง โดยประมาณ 60% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐคาดว่า ภาษีของทรัมป์จะนำไปสู่การเพิ่มราคาสินค้า และ 44% กล่าวว่า ภาษีเหล่านี้น่าจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เทียบกับ 31% ที่กล่าวว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามการสำรวจของโพล Harris ที่ทำเพื่อสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ