แนวโน้มราคาทอง
อาจปรับฐานสู่แนวรับ
- ราคาทองคำปรับตัวผันผวน แม้ ทรัมป์ เริ่มมีท่าทีผ่อนปรนในสงครามการค้ามากขึ้น
Gold spot
สูงสุด – 3,132 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,071 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 50,500 บาท
ต่ำสุด – 50,150 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกยังคงปรับตัวขึ้นในช่วงเช้า โดยทำจุดสูงที่ระดับ 3,132 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ และ จีน ซึ่งอาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานที่ราคาอาจปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในระบบตามมา แม้ทรัมป์จะออกมาประกาศเลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศ ยกเว้น “จีน” ไปอีก 90 วัน แต่ภาษี Baseline อัตรา 10% จะยังคงเก็บต่อไป ขณะที่ด้านจีนเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI และ PPI เมื่อเทียบรายปี ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนอาจกำลังเผชิญกับวิกฤตเงินฝืด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะทำการเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) และดัชนีการบริโภคทั่วไป (CPI) นอกจากนั้นยังมีการเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
วิเคราะห์ราคาทอง
แม้ราคาทองโลกในช่วงเช้า จะสามารถผ่านแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์ขึ้นมาได้ แต่ก็ยังคงติดแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,132 ดอลลาร์อยู่ ซึ่งประเมินว่าอาจยังผ่านขึ้นไปได้ยาก และอาจย่อตัวลงทดสอบแนวรับที่ 3,050 – 3,060 ดอลลาร์อีกครั้ง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,040 และ 3,015 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,110 และ 3,135 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่ปรับตัวขึ้นมา อาจยังติดแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,135 ดอลลาร์ ซึ่งแนะนำแบ่งขายทำกำไรเช่นเดิม และรอใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับสำคัญที่ 3,040 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,110 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 3,015 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 49,150 และ 48,750 บาท
แนวต้าน : 50,500 และ 50,850 บาท
ทองคำในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นมา ยังประเมินว่าเป็นโอกาสในการแบ่งขายทำกำไร และรอใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับที่ 49,150 บาท โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 50,500 บาท และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 48,750 บาทลงไป