ผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา คณะกรรมการมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาเป็น 4.75-5.00% ตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้
จากถ้อยแถลงหลังการประชุมของประธานเฟด ระบุว่า การใช้จ่ายและภาคการผลิตขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ตลาดงานยังคงตึงตัว การจ้างงานอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง และมีอัตราว่างงานที่ต่ำ แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูง ในขณะที่ภาคธนาคารของสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น โดยปัญหาการขาดสภาพคล่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สามารถสร้างผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและครัวเรือนที่เฟดยังไม่อาจกำหนดขอบเขตของผลกระทบที่แน่นอนได้ โดยคณะกรรมการของเฟดต่างยังคงมุ่งความสนใจไปที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากกว่าผลกระทบทางด้านอื่น
นอกจากนี้ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายหลักของเฟด ทั้งการจ้างงานเต็มที่ และอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวที่ 2% คณะกรรมการเฟดจึงประเมินว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% นี้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และยังคงเดินหน้าลดขนาดงบดุลลงตามแผนการที่ได้วางไว้ โดยคณะกรรมการเฟดจะจับตาข้อมูลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจในวันข้างหน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับใช้นโยบายการเงินตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลความคิดเห็นของคณะกรรมการเฟดจากเครื่องมือ Fed Dot Plot ระบุว่า เสียงส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5.125% ซึ่งหมายความว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 1 ครั้ง
สำหรับราคาทองคำในช่วงที่ประธานเฟดแถลงผลการประชุม มีการแกว่งตัวผันผวนรุนแรง โดยเป็นการทะยานจาก 1,945 ดอลลาร์ ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,978 ดอลลาร์ ตามแรงส่งจากการทรุดลงของเงินดอลลาร์ จากนั้นราคาทองคำก็ย่อลงมาจากการขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อประธานเฟดกล่าวจบ โดยเช้านี้ราคาทรงตัวเหนือ 1,970 ดอลลาร์ ขณะที่กองทุน SPDR Gold Trust ยังคงถือครองทองคำอยู่ที่ 923.11 ตัน ไม่เปลี่ยนแปลงยอดสุทธิไปจากวันก่อนหน้า
