นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า การที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในเดือนมี.ค.นั้น บ่งชี้ว่าการดำเนินการครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตลาดต้องจับตาเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
นายซัมเมอร์สให้สัมภาษณ์ในรายการ Wall Street Week ของสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า “คุณต้องจับตาอย่างระมัดระวังถึงความเป็นไปได้ที่ว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟดจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 15-25%”
การแสดงความเห็นของนายซัมเมอร์สมีขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% และดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7%
นายซัมเมอร์สกล่าวว่า “ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่คณะกรรมการเฟดจับตาอย่างใกล้ชิดนั้น ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลในปัจจุบัน ผมคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.อาจจะเป็นเรื่องที่อันตราย และอาจซ้ำรอยกับความผิดพลาดที่เฟดเคยดำเนินการในช่วงฤดูร้อนปี 2564 ดังนั้นผมจึงคิดว่า “เราไม่จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้”
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์