สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังศึกษาแนวทางต่าง ๆ ที่อาจจะนำไปสู่การเพิ่มขอบเขตให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) สามารถคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของภาคธนาคาร โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากธนาคารต่าง ๆ รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องการรับประกันเงินฝากแบบครอบคลุม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันวิกฤตการณ์การเงินที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังทบทวนว่า หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางสหรัฐสามารถใช้อำนาจฉุกเฉินได้หรือไม่ในการเพิ่มการคุ้มครองเงินฝากชั่วคราวที่สูงกว่าเพดานในปัจจุบันที่ 250,000 ดอลลาร์โดยไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางการสหรัฐไม่ได้มองว่าแนวทางดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือธนาคารหลายแห่งให้สามารถจัดหาเงินสดเพื่อรองรับการถอนเงินของลูกค้า ขณะเดียวกันหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐกำลังพัฒนากลยุทธ์ในการตรวจสอบสถานะกิจการ (Due Diligence) ซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ การประเมินทรัพย์สิน ตลอดจนหนี้สินของธนาคารว่ามีมูลค่าถูกต้องครบถ้วนตามบัญชีและมีอยู่จริงหรือไม่
นายไมเคิล คิคูคาวา โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า “รัฐบาลสหรัฐจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธนาคารท้องถิ่น นับตั้งแต่คณะบริหารและหน่วยงานกำกับดูแลของเราได้ใช้มาตรการเชิงรุกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็พบว่าเงินฝากในภาคธนาคารทั่วประเทศเริ่มมีเสถียรภาพ และในบางแห่งกระแสเงินทุนไหลออกก็เริ่มลดลง”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากภาคธนาคารสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์ด้านการเงิน โดยเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ทางการสหรัฐได้สั่งปิดกิจการธนาคารซิลเวอร์เกต แคปิตอล (Silvergate Capital) และจากนั้นไม่นานก็ได้สั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank – SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank – SB) หลังจากลูกค้าของธนาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตาร์ตอัปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและคริปโทเคอร์เรนซี ได้พากันถอนเงินออกจากธนาคารจำนวนมาก จนทำให้ธนาคารเหล่านี้เผชิญวิกฤตสภาพคล่องอย่างรุนแรงและถูกสั่งปิดกิจการในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน กระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ประชาชนที่ฝากเงินในธนาคาร SVB และ SB สามารถเข้าถึงเงินฝากได้เต็มจำนวน ขณะที่เฟดจัดตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” เพื่อจัดหาสภาพคล่องให้กับภาคธนาคาร
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์