แนวโน้มตลาดทองคำ
แนวต้าน 2,300 ดอลลาร์
- ทองโลก All-Time High จากความตึงเครียดด้านสงคราม
Gold spot
สูงสุด – 2,287 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,270 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 39,700 บาท
ต่ำสุด – 39,550 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำ spot ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ All-Time High ใหม่ติดต่อกันหลายวัน ก่อนที่จะเกิดแรงเทขายออกมา ซึ่งราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจากความเสี่ยงด้านสงคราม ซึ่งรัสเซียได้ทำการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนในระดับใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น และอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าหากอิหร่านทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอล จะทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางบานปลาย และกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดได้
.
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนมี.ค. ของ ADP ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่ง จากเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค. โดย ISM ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จาก 52.6 ในเดือนก.พ.
.
วิเคราะห์ราคาทอง
วันนี้แท่งเทียนของราคาทองคำยังคง ยก Low และ High อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน แม้ช่วงบ่ายอาจมีแรงเทขายออกมา ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มสดใส ซึ่งหากมีแรงเทขายออกมา อาจมีแรงซื้อกลับ โดยมีแนวต้าน 2,300 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,263 และ 2,250 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,290 และ 2,300 ดอลลาร์
หากมีแรงขายออกมา จะมีแรงซื้อกลับ ซึ่งสามารถเข้าซื้อทองคำบริเวณราคา 2,263ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,250 ดอลลาร์ และ Take Profit เมื่อราคาทองคำปรับขึ้นไปบริเวณแนวต้าน 2,300 ดอลลาร์ ซึ่งการเข้าซื้อช่วงนี้ให้เน้นเข้าออกเร็ว
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 39,450 และ 39,300บาท
แนวต้าน 39,700 และ 39,900 บาท
.
ราคาทองคำโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น บวกกับปัจจัยค่าเงินบาทอ่อนค่าหนุนราคาทองคำแท่งในประเทศ จากการคาดว่ากนง.ในสัปดาห์หน้ามีโอกาสลดดอกเบี้ย ซึ่งจะกดดันเงินบาทอ่อนค่า ทำให้คาดว่ามีโอกาสได้เห็นราคาทองคำแท่งพุ่งขึ้นสู่ 40,000 บาท ซึ่งคนที่ถือทองคำไว้ให้ Let Profit Run