ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพุธ (15 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1% หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,908.00 จุด เพิ่มขึ้น 349.89 จุด หรือ +0.88%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,308.15 จุด เพิ่มขึ้น 61.47 จุด หรือ +1.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,742.39 จุด เพิ่มขึ้น 231.21 จุด หรือ +1.40%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลทั้ง 2 รายการทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่าขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75.3% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 65.1% ในการสำรวจเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลงและเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 4.344% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงสู่ระดับ 4.726%
ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุด โดยปรับตัวขึ้น 2.3% และ 1.7% ตามลำดับ
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นอินวิเดีย ทะยานขึ้น 3.6% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.7% และหุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.2%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของวอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐในวันนี้ (16 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเป็นการเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.โดย Conference Board
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์