Desktop 1550x550 13

แนวโน้มตลาดและการลงทุน

Market Focus Weekly 17-06-67

17 มิถุนายน 2567|09:41 น.

ทองคำช่วงครึ่งปีหลังจะมีทิศทางอย่างไร

Gold Bullish

  • ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
  • ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
  • ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization

Gold Bearish

  • เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
  • ตลาดคาดว่าเฟดตรึงดอกเบี้ยสูงนานขึ้น

ทองคำช่วงครึ่งปีหลังจะมีทิศทางอย่างไร
จับตา 2 ประเด็นที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ ประเด็นแรกเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐ การประชุมเฟดเดือนมิ.ย.ล่าสุด ได้เห็นการส่งสัญญาณของเฟดจากข้อมูล Dot plot ว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยปีนี้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น นั้นหมายความว่าเฟดก็ยังไม่แน่ใจว่า เงินเฟ้อสหรัฐจะชะลอตัวลงตามเป้าหมายของเฟดหรือไม่? นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่า Fed needs more good data to be able to cut rates สะท้อนถึงความไม่แน่ใจในทิศทางอัตราเงินเฟ้อ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อสหรัฐ ที่อาจเป็นข้อมูลที่สำคัญต่อการตัดสินนโยบายทางการเงินของเฟด ที่ผ่านมาเงินเฟ้อสหรัฐมีการชะลอตัวลง แต่ยังไม่มากพอสู่ระดับเป้าหมายของเฟด เมื่อใดที่เฟดเห็นว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสนับสนุน เฟดอาจจะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย แต่ถ้าเมื่อใดที่เฟดยังคงมีความไม่แน่ใจต่อเงินเฟ้อที่จะชะลอตัวลงได้จริงหรือไม่ เฟดยังคงตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูง ซึ่งอาจส่งผลกดดันราคาทองคำในระยะแรก ๆ แต่อย่างไรแล้วการตรึงดอกเบี้ยด้วยเหตุผลเงินเฟ้อที่สูง ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ แต่กรณีนี้เฟดจะตรึงดอกเบี้ยสูงนานเท่าไหร่ เพราะว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะไม่ทนต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นระยะเวลานานได้ ขอยกตัวอย่าง debt ceiling ของสหรัฐที่ ณ ขณะนี้พุ่งสูงแตะ 34.8 ล้านล้านดอลลาร์  แล้วถ้ามาคำนวณดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นของสหรัฐก็คงเสียดอกเบี้ยไม่ใช่น้อย ๆ และอย่างบริษัทเอกชน หรืออื่นๆที่ต้องกู้เงินมาแล้วจ่ายดอกเบี้ยค่อนข้างสูง บริษัทเหล่านั้นจะมีกำลังพอที่จ่ายดอกเบี้ยได้สูงนานแค่ไหน ซึ่งตรงนี้มันอาจนำไปสู่แกนบังคับให้เฟดจำเป็นต้องลดดอกเบี้ย เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็จะนำไปสู่การเกิด stagflation เงินเฟ้อสูง แต่เศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งหากเกิดภาวะ stagflation ทองคำก็ยังบวกต่อได้

ส่วนประเด็นที่ 2 เราให้น้ำหนักกับการเลือกตั้งสหรัฐจะเข้ามามีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพราะอาจส่งผล affect ต่อราคาทองคำค่อนข้างมาก ด้วยบุคลิกของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ หรือแม้แต่นโยบายของทั้งสองพรรคทั้งพรรคแดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อทองคำมากกว่า เนื่องจากถ้าพิจารณานโยบายของแต่ละพรรค ณ ตอนนี้จากผลสำรวจของ RealClearPolitics พบว่านายโดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนความนิยมนำประธานาธิบดีโจ ไบเดนอยู่เล็กน้อย ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์เน้นการปรับลดอัตราภาษีเป็นหลัก ซึ่งจะมีอัตราภาษีบุคคลธรรมดาที่จะหมดอายุลงในปี 2025 แต่คาดว่าทรัมป์อาจจะเลื่อนระยะเวลาในการปรับลดภาษีที่จะหมดอายุลงออกไป การลดภาษีของทรัมป์ จะช่วยการสนับสนุนการบริโภคของสหรัฐ ช่วยส่งผลให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ทรัมป์อาจออก Bond มากขึ้น แต่ตอนนี้หนี้สาธารณะสูงมากกว่าตอนที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งช่วงนั้นมาก อาจเพิ่มโอกาสความเสี่ยงมากขึ้น แม้แต่ Trade war ที่ค่อนข้างรุนแรงของทรัมป์กว่าไบเดนมาก ทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้าที่มากกว่า 60% สำหรับสินค้าทุกชนิดของจีน และอาจยกเว้นสินค้านำเข้าที่จำเป็นของจีน และอาจขึ้นภาษี 100% ที่นำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโกของบริษัทจีน และอาจจะมีการกำหนดข้อจำกัดของจีนในการถือครองโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผล affect อย่างมากกว่าที่ไบเดนทำ ทั้งนี้การขึ้นภาษีการค้าที่ค่อนข้างสูง อาจส่งผลต่อ Trade war ที่ค่อนข้างรุนแรง และอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มสูงขึ้นได้มากกว่าตอนไบเดน อาจทำให้เกิด Supply Chain Disruption และทำให้ราคาสินค้าสูง เกิดเงินเฟ้อสูง นอกจากนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์อาจมีการนำ gold standard นำกลับมาใช้ หากมีการนำกลับมาใช้จริง อาจทำให้ราคาทองคำจะแพงขึ้นเป็นอย่างมาก และนายโดนัลด์ ทรัมป์อาจมีส่วนสนับสนุนให้สงครามรุนแรงขึ้นในฉนวกกาซา ซึ่งอาจส่งผลต่อ demand ทองคำที่ยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในภาวะสงครามได้ การจำกัดอพยพย้ายถิ่นฐาน อาจทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น และส่งผลต่อเงินเฟ้อสูง ซึ่งนโยบายของทรัมป์ต่างๆ มีโอกาสที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง แต่อัตราดอกเบี้ยขาลง ซึ่งนำไปสู่แนวโน้มทองคำเป็นเทรนขาขึ้นในระยะยาว

ทั้งนี้ 2 ประเด็นต่างหนุนให้ทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงขึ้นต่อได้โดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงจังหวะที่ดีของการเข้าทยอยสะสมทองคำ

หากราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้าน 2,345 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ อาจมีแรงเทขายออกมา แต่คาดว่าอาจปรับตัวลงไม่มากนัก ซึ่งยังคงอยู่ในกรอบ 2,300-2,350 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,345-2,350 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,360 ดอลลาร์ และแนวรับ 2,300 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,100 บาท และ 40,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 40,600 บาท และ 40,800 บาท

ดาวน์โหลดเอกสาร

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Cover 1000x670 02

Night Recap Gold Futures 22-11-2567

17:06 น.

 
Cover 1000x670 10

Night Recap Gold Spot 22-11-2567

16:55 น.

 
Cover 1000x670 06

Derivative Recap 22-11-2567

09:25 น.

 
Cover 1000x670 01

Daily Recap Gold Futures 22-11-2567

09:15 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ตะกร้าสินค้า0
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
เลือกซื้อสินค้าต่อ
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.