เตรียมรับดอกเบี้ยขาลงหนุนทอง All-Time High
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
- ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด
Gold Bearish
- การหยุดซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน
เตรียมรับดอกเบี้ยขาลง อาจหนุนทองคำปรับตัวขึ้นสู่ All-Time High ใหม่
แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำค่อนข้างผันผวนมาก จากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,531 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time High) แต่หลังจากนั้นก็เกิดแรงเทขายออกมาแรง ซึ่งราคาทองคำเริ่มเกิดสัญญาณขาย (Sell Signal) ซึ่งราคาทองคำปรับตัวลงจนลงหลุด 2,500 ดอลลาร์ ไปสู่ระดับต่ำสุดที่ 2,470 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงซื้อยังคงแข็งแกร่งกว่าแรงเทขาย หากราคาทองคำมีการปรับตัวลงในระยะสั้น จะเป็นการปรับตัวลงเพื่อขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้ปัจจัยหนุนของราคาทองคำค่อนข้างมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่ All-Time High ใหม่ได้อีกครั้ง
ล่าสุดการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานาเฟดที่ได้มีการแถลงในการประชุมประจำปีของเฟด ที่รีสอร์ทแจ็กสัน เลค ลอดจ์ ซึ่งตั้งอยู่ในวนอุทยานแห่งชาติแกรนด์ เทตัน (Grand Teton National Park) ในเมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยปีนี้มีหัวข้อ “Reassessing the Effectiveness and Transmission of Monetary Policy” หรือการประเมินประสิทธิผลและการส่งผ่านของนโยบายการเงิน ในการแถลงการณ์ครั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินและปรับปรุงประสิทธิผลของนโยบายการเงินในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในปัจจุบัน ชี้ว่าเฟดจะยังคงใช้มาตรการต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยตามความจำเป็นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจคือถ้อยแถลงของประธานเฟดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ซึ่งประธานเฟดได้มีการกล่าวว่า “เวลาได้มาถึงแล้วสำหรับการปรับนโยบาย โดยทิศทางมีความชัดเจน ส่วนกำหนดเวลาและขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามา รวมทั้งแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป และดุลความเสี่ยง” ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าประธานเฟดได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงการปรับลดดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นแน่ๆ ในช่วงเดือนก.ย.นี้
ทั้งนี้สิ่งที่นักลงทุนจับตาต่อไปว่า ขนาดในการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนก.ย.นั้นจะมีขนาดมากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งขนาดของการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดนั้นอาจขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจเปิดเผยในแต่ละสัปดาห์ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้การคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับขนาดการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่ง ณ ตอนนี้ตลาดมั่นใจว่าเฟดอาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และอาจปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในการประชุมเดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. ซึ่งแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐ อาจส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และมีโอกาสดันทองคำเป็นขาขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองของการคาดการณ์เกี่ยวกับขนาดการปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น ซึ่งตลาดอาจมีการคาดการณ์ว่าในการประชุมเฟดเดือนพ.ย. มีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาด โดยอาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 0.50% กรณีนี้อาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำมากขึ้น อาจมีแรงซื้อทองคำเข้ามาจากแรงหนุนปัจจัยดังกล่าวได้
นอกจากปัจจัยลดดอกเบี้ยของเฟดแล้ว ทองคำยังคงมีแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทองคำมีทิศทางขาขึ้น ทั้งนี้ ณ ตอนนี้ทองคำโลกมีความน่าสนใจมากกว่าทองคำแท่งในประเทศ เนื่องจากทองคำแท่งในประเทศถูกกดดันจากทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วหลุดบริเวณ 34 บาท อาจกดดันให้ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวลงได้
แนวโน้มราคาทองคำโลกมีทิศทางขาขึ้น ทั้งนี้ทองคำโลกมีความน่าสนใจมากกว่าทองคำแท่งในประเทศ เนื่องจากทองคำแท่งในประเทศถูกกดดันด้วยค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างมาก ซึ่งทองคำโลกรอจังหวะเข้าซื้อได้บริเวณ 2,470-2,480 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำมีแนวรับ 2,480 ดอลลาร์ และ 2,470 ดอลลาร์ และราคาทองคำมีแนวต้าน 2,530 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,550 ดอลลาร์ ส่วนแนวโน้มราคาทองแท่งในประเทศอาจปรับตัวลงในระยะสั้น จากสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้การปรับตัวลง และเกิดสัญญาณขาย (Sell Signal) จึงแนะนำชะลอการเข้าซื้อ ให้ Wait & See ให้ระวังหลุดแนวรับสำคัญที่ 40,000 บาท โดยมีแนวรับ 40,000 บาท และ 39,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 40,600 บาท และ 40,900