แนวโน้มราคาทอง
ปรับตัวขึ้นได้ต่อ
- ราคาทองปรับตัวลง (-0.15) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.00%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,656 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,670 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,649 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,100 บาท
ต่ำสุด – 41,000 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำ All-time high ต่อเนื่องที่ระดับ 2,670 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ย. นอกจากนี้นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า อย่างไรก็ตามราคาทองคำปิดตลาดลดลงเล็กน้อย ซึ่งเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทองคำ ทั้งนี้ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. ดีกว่าตลาดคาด ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัว ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนส.ค. นอกจากนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟด และการแถลงของประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงยก high และ low ต่อเนื่อง และยังทำ All-time high ต่อเนื่อง ราคาทองคำจึงยังคงมีทิศทางขาขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้หากราคาทองคำยังเคลื่อนไหวเหนือ 2,640 ดอลลาร์ มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมองเป้าหมายไว้ที่ระดับ 2,690-2,700 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,650 และ 2,630 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,670 และ 2,680 ดอลลาร์
หากมีการเข้าซื้อไว้สามารถขายทำกำไรบริเวณ 2,690-2,700 ดอลลาร์ การเข้าซื้อรอบใหม่ แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,630 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,620 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 41,050 และ 40,850 บาท
แนวต้าน : 41,250 และ 41,350 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ตามราคาทองคำโลกที่ทำ all-time high ต่อเนื่อง แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเงินบาทแข็งค่าสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 ทั้งนี้แนวโน้มเงินบาทยังคงแข็งค่า จึงอาจกดดันราคาทองคำแท่งไม่ให้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก อย่างไรก็ตาม หากถือทองคำไว้แนะนำ Let Profit Run