แนวโน้มราคาทอง
ขาขึ้น แต่ก็ให้ระวังขาย
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +15.29 ดอลลาร์ คิดเป็น (+0.57%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,672 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,685 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,655 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,200 บาท
ต่ำสุด – 41,100 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำยังคงเดินหน้าทำ All-time high ต่อเนื่อง จากแรงหนุนอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเป็นขาลง รวมถึงจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจีนจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังเพื่อให้จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและยับยั้งการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่วนด้านประธานเฟดไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินหรือทิศทางอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนส.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงเดินหน้าปรับตัวขึ้นทำ All-time high แต่เริ่มเกิดสัญญาณ Bearish Divergence เล็กๆ ซึ่งราคาทองคำปรับตัวขึ้น แต่ก็ให้ระวังแรงขายออกมาบ้าง แม้ราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นในระยะยาว แต่ระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยมีแนวต้าน 2,690-2,700 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,650 และ 2,640 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,685 และ 2,690 ดอลลาร์
หากมีการเข้าซื้อไว้สามารถขายทำกำไรบริเวณ 2,690-2,700 ดอลลาร์ การเข้าซื้อรอบใหม่ แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,650 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,640 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,800 และ 40,700 บาท
แนวต้าน : 41,100 และ 41,150 บาท
แม้ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่สัญญาณจาก Modified Stochastic เริ่มเกิดเส้นตัดกัน จึงให้ระวังการปรับตัวลงในระยะสั้น แนะนำสำหรับคนเก็งกำไรระยะสั้นให้ขายทำกำไรออกไปบางส่วนก่อนบริเวณ 41,000-41,150 บาท แล้วรอเข้าซื้อทองคำแท่งรอบใหม่ อย่างไรก็ตามระยะยาวราคาทองคำแท่งยังคงมีทิศทางขาขึ้นเช่นกัน ตามแนวโน้มราคาทองคำโลก