ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,011.59 จุด ลดลง 184.93 จุด หรือ -0.44%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,699.94 จุด ลดลง 9.60 จุด หรือ -0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,918.48 จุด ลดลง 6.65 จุด หรือ -0.04%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.25% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.15% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุด โดยพุ่งขึ้น 1.58% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.60%
อดัม ชาร์ฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจากบริษัท 50 Park Investments ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนบางกลุ่มได้เทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะอยู่ที่ระดับ 4.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค.
ส่วนข้อมูลแรงงานล่าสุดที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 221,000 ราย
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดกองทัพอิสราเอลได้โจมตีศูนย์บัญชาการหน่วยข่าวกรองของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในกรุงเบรุตของเลบานอน นอกจากนี้ ทหารอิสราเอลได้ปะทะกับกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ตามแนวชายแดนเลบานอน ส่งผลให้ทหารอิสราเอลเสียชีวิต 8 นาย ซึ่งเป็นการสูญเสียกำลังพลมากที่สุดของอิสราเอลภายในวันเดียวนับตั้งแต่เปิดฉากโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับ 20.49 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.ปีนี้
ในระหว่างวัน ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกในช่วงสั้น ๆ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการพุ่งขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 จากระดับ 51.5 ในเดือนส.ค. นับเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งในไตรมาส 3
นักลงทุนยังคงติดตามเหตุการณ์ประท้วงผละงานของคนงานท่าเรือในเขตอีสต์โคสต์และกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 3 โดยยังไม่มีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าจ้าง และทำให้การขนส่งทางทะเลราวครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงัก โดยนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า การผละงานประท้วงที่ยืดเยื้อจะส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาอาหาร
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์