ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ (4 ต.ค.) หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่วิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะอ่อนแอเกินไป
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,352.75 จุด เพิ่มขึ้น 341.16 จุด หรือ +0.81%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,751.07 จุด เพิ่มขึ้น 51.13 จุด หรือ +0.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,137.85 จุด เพิ่มขึ้น 219.37 จุด หรือ +1.22%
ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในรอบสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 0.1%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.2% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.1%
ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงาน บวก 1.1% ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และเพิ่มขึ้น 7% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่า ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์ของอิสราเอล เขาคงจะพิจารณาทางเลือกอื่นแทนที่จะโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่าน พร้อมระบุเสริมว่า เขาคิดว่าอิสราเอลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะตอบโต้อย่างไรต่อการยิงขีปนาวุธจากอิหร่านในสัปดาห์นี้
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยหุ้นบวกนำโดยกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งปรับตัวขึ้น 1.64% และ 1.62% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นลบนำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งปรับตัวลง 0.65% และ 0.17% ตามลำดับ
การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย.มากที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 147,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.2% และต่ำกว่าระดับ 4.2% ในเดือนส.ค.
ปีเตอร์ คาร์ดิลโล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ตลาดของหลักทรัพย์สปาร์ตัน แคปิตอล (Spartan Capital Securities) ในนิวยอร์กกล่าวว่า “ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 มีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินต่อไปในอัตราที่แข็งแกร่ง”
บรรดานักลงทุนปรับลดคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสเพียง 8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% โดยลดลงจากราว 31% ในช่วงเช้าวันศุกร์
เฟดเริ่มต้นวงจรผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนก.ย.โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
หุ้นสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ (Spirit Airlines) ร่วงลง 24.6% ขณะที่หุ้นสายการบินอื่น ๆ พุ่งขึ้น หลังมีรายงานว่า สปิริตกำลังเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการยื่นขอล้มละลาย, หุ้นฟรอนเทียร์ (Frontier Group) พุ่ง 16.4%, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (United Airlines) บวก 6.5% และเดลตา แอร์ไลน์ (Delta Air Lines) เพิ่มขึ้น 3.8%
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์