แนวโน้มราคาทอง
แรงขายทำกำไรเล็กน้อย
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +10.62 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.38%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,746 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,747 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,717 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 43,700 บาท
ต่ำสุด – 43,700 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำ All-time high เนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง จากสถานการณ์ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเช้าวันเสาร์อิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตีอิหร่าน อย่างไรก็ตาม อิหร่านยันโรงงานนิวเคลียร์ไม่ได้รับความเสียหาย ขณะที่กลุ่ม BRICS เตรียมวางระบบการชำระเงินแบบใหม่ ลดพึ่งพาเงินดอลลาร์ ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 1.15 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้สหรัฐเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนต.ค. ของ ADP การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. จีดีพีไตรมาส 3 ประมาณการครั้งที่ 1 และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนก.ย.
วิเคราะห์ราคาทอง
มีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่งในช่วงวันศุกร์ ทำให้ราคาทองคำปิดตลาดใกล้เคียงกับราคา High ของวัน บ่งชี้ราคาทองคำยังคงมีทิศทางการปรับตัวขึ้น แต่เนื่องจากราคาทองคำอาจมีการปรับตัวขึ้นไปอย่างมาก จึงอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินหน้าปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,720 และ 2,710 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,750 และ 2,758 ดอลลาร์
คาดราคาทองคำอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง ซึ่งหากราคาทองคำมีการย่อตัวลง แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,710 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,700 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 43,550 และ 43,450 บาท
แนวต้าน : 43,800 และ 43,900 บาท
คาดราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำโลก และเงินบาทอ่อนค่าหนุนราคาทองคำแท่ง ซึ่งเงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับภูมิภาค จากดอลลาร์แข็งค่า หากถือทองคำไว้ แนะนำถือได้ต่อ (Let Profit Run)