ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (28 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,387.57 จุด เพิ่มขึ้น 273.17 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,823.52 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด หรือ +0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,567.19 จุด เพิ่มขึ้น 48.58 จุด หรือ +0.26%
ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 ต.ค.) แต่หลีกเลี่ยงการโจมตีแหล่งน้ำมัน โรงงานนิวเคลียร์ รวมทั้งเป้าหมายทางด้านพลเรือน ซึ่งคาดว่าจะช่วยจำกัดสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านไม่ให้ลุกลามทั่วภูมิภาค
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ “Magnificent Seven” โดย 5 ใน 7 ของบริษัทกลุ่มดังกล่าวจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ อัลฟาเบท (Alphabet), เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms), แอปเปิ้ล (Apple), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com)
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ต.ค.) อินวิเดีย (Nvidia) แซงหน้าแอปเปิ้ลขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก โดยได้แรงหนุนจากความต้องการชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนรอดูตัวเลขคาดการณ์การใช้จ่ายด้าน AI ของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.14% และ 0.80% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.65% หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก
ส่วนหุ้นรายตัวนั้น หุ้น 3M พุ่งขึ้น 4.43% ปิดที่ระดับ 130.29 ดอลลาร์ และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น 3M ขึ้นสู่ระดับ 165 ดอลลาร์ จากระดับ 160 ดอลลาร์
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ร่วงลง 2.8% หลังจากมีรายงานว่าโบอิ้งเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนมูลค่าสูงถึง 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสถานะทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่บริษัทได้รับผลกระทบจากการประท้วงของพนักงาน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2567 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ โดยแพลตฟอร์มพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย เช่น BetOnline และ Bet365 ต่างก็เดิมพันว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง แม้ว่าโพลหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมระหว่างทรัมป์และคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต จะสูสีกันอย่างมากก็ตาม
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์