ทรัมป์ชนะ ทองลงแรงหนัก
แต่คาดจะส่งผลบวกต่อทองคำระยะยาว
ผลการเลือกตั้งสหรัฐชี้ชะตาเศรษฐกิจโลกและตลาดทองคำ
ผลการเลือกตั้งสหรัฐอย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากต้องรอผลการนับคะแนนทางไปรษณีย์ โดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐเป็นคนที่ 47 ทรัมป์ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 295 เสียง เกินกว่าระดับ 270 เสียงสำหรับการเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ได้เพียง 226 เสียง
ผลการเลือกตั้งในรัฐ Swing State 7 รัฐ ซึ่งมีคะแนนเสียงจากผู้เลือกตั้งรวม 93 เสียง ได้แก่ รัฐเพนซิลเวเนีย (19 เสียง) รัฐมิชิแกน (15 เสียง) รัฐจอร์เจีย (16 เสียง) รัฐนอร์ทแคโรไลนา (16 เสียง) รัฐแอริโซนา (11เสียง) รัฐวิสคอนซิน (10 เสียง) และรัฐเนวาดา (6 เสียง) พรรครีพับลิกันมีชัยชนะทุกรัฐ ยกเว้นรัฐแอริโซนาที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จ แต่โดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนนำอยู่ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวดีขึ้น สะท้อนจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และกดดันให้ราคาทองคำ Spot ลงแรงถึง 85 ดอลลาร์
5 นโยบายหาเสียงของพรรครีพับลิกันที่สำคัญ
1. ลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% สำหรับบริษัทที่ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ เนื่องจากฐานคะแนนเสียงของพรรคมาจากกลุ่มคนที่มีรายได้สูง
2. การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ลดราคาพลังงานเสนอให้มีการเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศเพิ่มขึ้น และกีดกันผู้อพยพเข้ามาทำงาน เนื่องจากมองว่าทำให้ค่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
3. นโยบายการการค้า นโยบายของทรัมป์คือ America First เสนอให้จัดเก็บภาษีสินค้าจีนอัตรา 60% และจัดเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
4. ทรัมป์เรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย ไม่ให้เงินสนับสนุนยูเครนเพิ่มและคัดค้านกฎหมายช่วยเหลือในรัฐสภา
5. ทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างเหนียวแน่น ได้ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ไปยังเยรูซาเล็ม และห้ามชาวปาเลสไตน์เข้าร่วมข้อตกลงสันติภาพอาหรับ-อิสราเอลหลายฉบับเมื่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโอกาสการเกิด Red Sweep
การที่พรรครีพับลิกันได้เป็นประธานาธิบดีและมีโอกาสครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรหรือ Red Sweep โดยวุฒิสภาได้คะแนนเสียง 52 ที่นั่ง จาก 100 ที่นั่ง แต่สภาผู้แทนราษฎรมีการเลือกตั้งทั้งหมด 435 ที่นั่ง ตอนนี้ยังนับคะแนนไม่เสร็จ แต่พรรครีพับลิกันมีคะแนนนำพรรคเดโมแครต ดังนั้นถ้าเกิด Red Sweep ทำให้การผ่านร่างกฎหมายต่างๆ จากนโยบายพรรครีพับลิกันคาดทำได้ง่ายขึ้น
ราคาทองคำลงแรงมาก แต่คาดจะส่งผลบวกต่อทองคำระยะยาว
ระยะสั้นราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงหลุด 2,700 ดอลลาร์ ปรับลงแรงถึง 85 ดอลลาร์ เนื่องจาก
1. นโยบายของพรรครีพับลิกันคาดเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวดีขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
2. เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมาเพื่อล็อกผลตอบแทน หลังจากสัปดาห์ที่แล้วราคาทอง Spot ปรับตัวขึ้นทำ All-time high ที่ 2,790 ดอลลาร์ ทำให้ราคาทอง Spot ปรับขึ้นถึง 35% และถ้าคำนวณจากราคาทำจุดต่ำสุดที่ 1,984 ดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาทอง Spot เพิ่มขึ้นถึง 40%
3. ผลกระทบจากนโยบายพรรครีพับลิกัน
3.1 หนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากนโยบายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งที่ผ่านมาหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลบวกกับทองคำในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันสหรัฐมีหนี้สาธารณะ 35 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 123% ของจีดีพี
3.2 เงินเฟ้อที่คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการทำสงครามการค้ากับจีนที่รุนแรง
3.3 ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดว่ายังเป็นปัจจัยหนุนทองคำ เนื่องจากการสนับสนุนอิสราเอลให้ทำสงครามต่อไป ทำให้สถานการณ์ตะวันออกกลางมีแนวโน้มตึงเครียดอยู่
ถึงแม้ว่าระยะสั้นราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงแรง ซึ่งการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดกังวลว่านโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจกลับลำ จากทิศทางดอกเบี้ยขาลงเป็นตรึงดอกเบี้ยต่อไป หรือทิศทางดอกเบี้ยขาลงอาจจบลงเร็วกว่าเฟดคาดไว้ แต่เราคาดว่าเฟดอาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มอ่อนแอลง ทั้งนี้ต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีหน้าหลังโดนัลด์ ทรัมป์บริหารประเทศ
ในที่สุดประเมินว่านโยบายพรรครีพับลิกันจะส่งผลบวกกับราคาทองคำในระยะยาว ทองคำคาดว่ายังได้รับความสนใจในสินทรัพย์ปลอดภัยที่ป้องกันความเสี่ยงจากหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จากสถานการณ์ตะวันออกกลางมีแนวโน้มตึงเครียดอยู่ ดังนั้นมองว่าการปรับลงแรงเป็นโอกาสของการเข้าซื้อสำหรับการลงทุนระยะยาวได้ที่ 2,635-2,640 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน