สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะจบลงเร็วจริงหรือไม่? และทิศทางทองคำเป็นอย่างไร
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ทิศทางดอกเบี้ยขาลง
Gold Bearish
- การหยุดซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน
- แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า
- เฟดชะลอการปรับลดดอกเบี้ย
สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะจบลงเร็วจริงหรือไม่? หากทรัมป์ได้รับตำแหน่ง และทิศทางทองคำจะเป็นอย่างไร
ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุด All-Time high และหลังจากชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ พบว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นคนที่ 47 ทรัมป์ยังคว้าชัยชนะในทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ และได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) อย่างขาดลอย ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ยังได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรหรือ Red Sweep ทำให้การผ่านร่างกฎหมายต่างๆ จากนโยบายพรรครีพับลิกันคาดทำได้ง่ายขึ้น
ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ กับภายหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ราคาทองคำปรับตัวลงแรงถึง 172 ดอลลาร์ หรือปรับตัวลดลงกว่า 6.31% ภายใน 1 สัปดาห์กว่าๆ เท่านั้น สาเหตุที่ราคาทองคำปรับตัวลงแรง มาจากปัจจัยหลักๆ คือเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างมากและแข็งค่าต่อเนื่องมากสุดเกือบ 1 ปี สาเหตุที่ดอลลาร์แข็งค่าเพราะเชื่อว่านโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น
และหลังจากนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ซึ่งในวันที่ 17 ธ.ค. จะมีการประชุมคณะผู้เลือกตั้ง ผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐจะประชุมเพื่อลงคะแนนเสียงให้กับประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี โดยคะแนนเสียงที่ได้จะถูกส่งไปยังรัฐสภาเพื่อประกาศผลอย่างเป็นทางการในเดือนม.ค. ก่อนที่ในวันที่ 3 ม.ค. 2025 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่ชนะเลือกตั้งจะเข้าพิธีสาบานตน และในวันที่ 6 ม.ค. 2025 สภาคองเกรสจะรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี สภาคองเกรสจัดการประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนับผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจากคณะผู้เลือกตั้ง และผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 2025 ซึ่งหมายความว่า สหรัฐอเมริกาจะได้ประธานาธิบดีคนที่ 47 อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม สำหรับการแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศและตำแหน่งคณะรัฐมนตรีอื่น ๆ ประธานาธิบดีที่เข้ารับตำแหน่งใหม่มักจะเสนอชื่อบุคคลที่ต้องการให้ดำรงตำแหน่งในช่วงหลังจากชนะการเลือกตั้งหรือช่วงก่อนพิธีสาบานตน เพื่อให้วุฒิสภาสามารถตรวจสอบและรับรองการแต่งตั้งได้ทันเวลา
ซึ่งต้องจับตาว่านายโดนัลด์ ทรัมป์จะนำเสนอชื่อบุคคลใดบ้าง ในกระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ มีข่าวว่าว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเสนอชื่อวุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ จากรัฐฟลอริดา ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยเลือกอดีตคู่แข่งทางการเมืองและผู้สนับสนุนนโยบายต่างประเทศสายเหยี่ยวซึ่งมีแนวทางที่แข็งกร้าวกับจีน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ หากได้รับการแต่งตั้ง รูบิโอจะเป็นนักการทูตชั้นนำของสหรัฐฯ ที่อยู่แนวหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งในช่วงการหาเสียง ทรัมป์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาสามารถยุติสงครามรัสเซียได้ภายใน 24 ชั่วโมงหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาวางแผนที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นอย่างไร ถ้อยแถลงและการกระทำของรูบิโอมุ่งเน้นไปที่การเจรจาและยุติสงครามมากกว่าที่จะให้ยูเครนได้รับสิ่งที่ต้องการในการขับไล่กองกำลังรัสเซียออกจากดินแดนของตน อีกทั้งรูบิโอเป็นหนึ่งในสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันทั้ง 15 คนในวุฒิสภาที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับแพ็คเกจความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน ซึ่งได้รับการอนุมัติในที่สุดเมื่อเดือนเม.ย. 2024 โดยในเดือนก.ย. เขายืนกรานว่าเขา ” ไม่ได้อยู่ข้างรัสเซีย ” แต่ “ความเป็นจริงก็คือ สงครามในยูเครนจะจบลง
และถามว่า “สงครามรัสเซียจะยุติภายใน 24 ชม.จริงหรือไม่? ภายหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี” ก็ต้องติดตามกันต่อว่า ทรัมป์จะทำได้จริงอย่างที่เคยกล่าวในวันดีเบตรอบสองหรือไม่ว่า ทรัมป์จะโทรหาปูตินทันที และการที่ทรัมป์มีโอกาสจะแต่งตั้งมาร์โก รูบิโอ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องจุดยืนของทรัมป์ ก็อาจทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจลดความร้อนแรงลง ที่เอ่ยถึงคำว่า ลดความร้อนแรงลง เนื่องจากว่าเรายังไม่เชื่อในทันทีว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะจบลงเร็วจริงหรือไม่? หากสหรัฐฯ เจรจากับปูติน และลดเงินช่วยเหลือแก่ยูเครน อาจส่งผลให้ยูเครนขาดเงินสนับสนุน และอาวุธยุทโธปกรณ์ในการทำสงคราม มีแนวโน้มที่ยูเครนจะอ่อนแอลง และรัสเซียอาจจบสงครามได้เร็ว แต่ว่า…ต้องมาพิจารณาปัจจัยภายนอกอื่นๆในฝั่งสหภาพยุโรปว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป เนื่องจากต้องยอมรับว่ายูเครนก็เหมือนกันชนรัสเซียให้กับสภาพยุโรป การที่รัสเซียยึดยูเครนได้โดยง่าย อาจสร้างความกังวลต่อสหภาพยุโรปก็ไปได้ ก็ต้องดูทีท่าทางด้านสภาพยุโรปจะมีการเข้ามาช่วยเหลือยูเครนหรือไม่? ทำให้เรายังเชื่อว่าความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีอยู่ แม้หากฝั่งด้านรัสเซียจะผ่อนคลายลง แต่ฝั่งด้านตะวันออกกลางยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่มีโอกาสรุนแรงมากขึ้นได้ รวมถึงความตึงเครียดของจีน และความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและไต้หวันก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะก่อนหน้านี้หน่วยข่าวกรองระดับสูงของสหรัฐฯ เคยคาดการณ์ไว้ว่ามีโอกาสที่จีนเข้ายึดไต้หวันในปี 2025
ทองคำจึงยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเรายังเชื่อมั่นว่าในระยะยาวทองคำจะกลับมาน่าสนใจมากขึ้น
หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลงแรงจนทดสอบแนวรับของเส้น SMA100 คาดว่าราคาทองคำอาจมีการฟื้นตัวระยะสั้นบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ให้จับตาบริเวณแนวรับ 2,540 ดอลลาร์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับได้สักระยะหนึ่ง อาจเกิดสัญญาณซื้อ จาก Modified Stochastic โดยราคาทองคำมีแนวรับ 2,540 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน และแนวรับถัดไปที่ 2,520 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำมีแนวต้าน 2,580 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,600 ดอลลาร์ ส่วนแนวโน้มราคาทองแท่งในประเทศอาจชะลอการปรับตัวลง แนะนำทยอยเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับ 42,000 บาท และแนวรับถัดไป 41,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 42,500 บาท และ 42,800 บาท