แนวโน้มราคาทอง
ย่อตัวทดสอบแนวรับ
- ราคาทองปรับตัวลง (-91.16) ดอลลาร์ คิดเป็น (-3.47%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,624 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,721 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,615 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 44,100 บาท
ต่ำสุด- 43,500 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
คืนวานนี้นักลงทุนเทขายทองคำ หลังมีรายงานว่าอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับ ฮิซบอลเลาะห์ และโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อสก็อตต์ เบสเซนต์ เป็นรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คนใหม่ ซึ่งอาจดำเนินมาตรการที่เอื้อต่อตลาดหุ้น ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จึงถูกเทขายทำกำไรเนื่องจากนักลงทุนต้องการถือสินทรัพย์ซึ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจอาจกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน โดย Conference Board และ ยอดขายบ้านใหม่เดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังมีเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนต.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกที่ปรับตัวลงแรงประเมินว่ารับผลของปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว แต่แนะนำกลับมาใช้กลยุทธ์เชิงรับ และซื้อขายสั้นๆ โดยทยอยสะสมหากราคาทองโลกลงทดสอบแนวรับสำคัญที่ 2,600-2,605 ดอลลาร์ และทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบระดับ 2,630 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,605 และ 2,590 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,630 และ 2,645 ดอลลาร์
แม้มีแรงซื้อเข้าหนุนในช่วงเช้า หลัง ทรัมป์ กล่าวว่าจะขึ้นภาษีจีน แคนาดา และเม็กซิโก แต่ด้วยราคาปรับตัวลงมาแรง จึงยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อที่ 2,605 ดอลลาร์ โดยหากราคาขึ้นทดสอบ 2,630 ดอลลาร์อาจขายทำกำไรก่อน และตัดขาดทุนหากทะลุระดับ 2,590 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 43,000 และ 42,800 บาท
แนวต้าน : 43,500 และ 43,700 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวลงแรงหลังปัจจัยเข้ากระทบ ขณะที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าช่วยหนุนราคาทองคำแท่งในประเทศ แนะรอซื้อหากราคาลงทดสอบระดับ 43,000 บาท โดยมีเป้าขายทำกำไรที่ 43,500 บาท และตัดขาดทุนหากทะลุระดับ 42,800 บาท