แนวโน้มราคาทอง
อาจกลับมาอยู่ในขาลง
- ราคาทองคำอาจหลุดแนวรับสำคัญ
- หลังทรัมป์เสนอชื่อ Scott Bessent
- สงครามตะวันออกลางอาจคลี่คลาย
Gold spot
สูงสุด – 2,632 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,605 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 43,300 บาท
ต่ำสุด – 43,050 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลดลง หลังมีข่าวสำคัญ 2 ประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อตลาด ได้แก่ การที่อิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ สก็อตต์ เบสเซนต์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แม้ว่าในช่วงเช้าจะมีข่าวที่อาจส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ หลังทรัมป์ประกาศว่าเขาจะเพิ่มภาษีอีก 10% สำหรับสินค้าจีน และ 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ประเด็นสงครามการค้าจึงดูเหมือนจะกลับมาช่วยหนุนราคาทองโลกอีกครั้ง แต่ก็ส่งผลต่อราคาทองเพียงระยะสั้นๆ ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงต่อในช่วงบ่าย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน โดย Conference Board และ ยอดขายบ้านใหม่เดือนตุลาคม
นอกจากนั้นในคืนนี้ยังจะมีการประชุม FOMC Meeting Minutes ช่วงเวลา 02.00 น. ซึ่งเป็นรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกปรับตัวลงแรง แม้ดูไร้ปัจจัยกดดันราคาแล้ว แต่ราคาที่หลุดแนวรับลงมา ทำให้โมเมนตัมในการปรับตัวขึ้นเสียไป ประเมินว่ามีโอกาสที่ราคาจะหลุดแนวรับสำคัญที่ 2,600 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 2,580 ดอลลาร์ ซึ่งราคาอาจสามารถฟื้นตัวกลับได้อีกครั้ง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,580 และ 2,560 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,630 และ 2,645 ดอลลาร์
แม้มีแรงซื้อเข้าหนุนในช่วงเช้า หลัง ทรัมป์ กล่าวว่าจะขึ้นภาษีจีน แคนาดา และเม็กซิโก แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวลงมาแรง จึงประเมินว่าราคามีโอกาสปรับลงต่อ โดยแนะนำลดสถานะการถือครอง และอาจพิจารณาเข้าซื้อสะสมอีกครั้งหลังมีสัญญาณซื้อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 2,580 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,500 และ 42,250 บาท
แนวต้าน : 43,200 และ 43,400 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวลงมาแรงหลังปัจจัยเข้ากระทบ โดยจากกราฟจะเห็นว่าราคาเริ่มหลุดเส้นแนวโน้มลงมาแล้ว ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะปรับตัวลงต่อ จึงแนะนำลดสถานะการถือครอง และอาจพิจารณาเข้าซื้ออีกครั้ง หากมีสัญญาณกลับตัวขึ้นจากแนวรับสำคัญที่ 42,500 บาท