แนวโน้มราคาทอง
ปรับตัวลง
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +8.14 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.31%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,632 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,641 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,605 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 43,300 บาท
ต่ำสุด – 43,050 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังมีแนวโน้มที่รุนแรง รวมถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีการค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน โดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ขณะที่รายงานการประชุมเฟดสะท้อนให้เห็นว่ากรรมการเฟดมีความเห็นต่างกันเรื่องลดดอกเบี้ย ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผย
- จีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2)
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.
- ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนต.ค.
- ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนต.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
เกิดเส้น SMA20 ตัดเส้น SMA50 ลงมา ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงระยะสั้น โดยราคาทองคำอาจมีแรงเทขายบริเวณ 2,640-2,650 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำมีกรอบจำกัด และอาจยังยืนเหนือบริเวณแนวรับ 2,570 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเส้น SMA100
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,600 และ 2,570 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,640 และ 2,650 ดอลลาร์
หากราคาทองคำไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 2,640-2,650 ดอลลาร์ให้เปิดสถานะขาย อย่างไรก็ตาม สามารถเข้าซื้อรอบใหม่บริเวณ 2,570 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับของเส้น SMA100 โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,560ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,900 และ 42,700 บาท
แนวต้าน : 43,300 และ 43,400 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวลงมา หลังเกิดรูปแบบ Double Top ทำให้มีแนวโน้มที่ราคาทองคำแท่งปรับตัวลงไปสู่บริเวณฐานของ Double Top ซึ่งคาดว่าบริเวณราคา 42,500 บาท อย่างไรก็ตาม อาจมีการฟื้นตัวของราคาทองคำแท่งในบริเวณดังกล่าว