แนวโน้มราคาทอง
ฟื้นตัว แต่ระวังแรงขาย
- ทองคำฟื้นตัว
- สภาคองเกรสต้องเร่งผ่านกม.งบประมาณชั่วคราว
Gold spot
สูงสุด – 2,622 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,582 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 42,900 บาท
ต่ำสุด – 42,750 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ปรับตัวลงแรง ภายหลังที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า โดยเฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า ลงเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย. ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ซึ่งที่นักลงทุนจับตาต่อไปคือจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ข้อมูลตลาดแรงงาน และ Core PCE เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยปีหน้า อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความเสี่ยงที่สภาคองเกรสต้องเร่งผ่านกม. งบประมาณชั่วคราวให้ทันก่อนเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐฯ มิฉะนั้นสหรัฐจะต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่วันเสาร์นี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนธ.ค และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น แต่ยังติดบริเวณแนวต้าน 2,625 ดอลลาร์ ทั้งนี้จับตาบริเวณแนวต้านดังกล่าว หากยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ อาจมีแรงเทขายออกมา ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำใน Timeframe Day มีแนวโน้มปรับตัวลง โดยสัญญาณจาก MACD เกิด Bearish MACD จึงยังคงระวังแรงขาย
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,590 และ 2,580 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,625 และ 2,630 ดอลลาร์
หากราคาทองคำไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 2,625 ดอลลาร์ แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณ 2,625 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,630 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,700 และ 42,600 บาท
แนวต้าน : 43,000 และ 43,100 บาท
แม้ราคาทองคำแท่งจะฟื้นตัว แต่คาดว่ายังติดบริเวณแนวต้าน 43,100 บาท เนื่องจากเกิดสัญญาณขาย (sell signal ) จึงระวังการปรับตัวลง แนะนำชะลอการเข้าซื้อไปก่อน ควรรอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับ 41,900-42,000 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง